ในสัปดาห์นี้ความสนใจของตลาดลงทุนจะกลับมาอยู่ที่ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้งหลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อนตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถยืนในแนวโน้มขาขึ้นได้เนื่องจากการทำ IPO ของบริษัทชื่อดังอย่างเช่น Airbnb (NASDAQ:ABNB) และ DoorDash (NYSE:DASH) ทำให้หุ้นของทั้งสองปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 กลับปรับตัวลดลง 0.6 % และ 1% ตามลำดับเป็นสัปดาห์แรกในรอบสามสัปดาห์ ล่าสุดแนสแด็กเองก็ปรับตัวลดลงเช่นกับ 0.7%
อ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวที่เชื่อถือได้ในสหรัฐฯ ต่างรายงานตรงกันว่าบรรดานักการเมืองที่อยู่ในสภาตอนนี้ยังคงเร่งเจรจาเพื่อคลอดมาตรการเงินเยียวยาให้ทันก่อนสิ้นปี 2020 นี้แต่ปัญหาสำคัญที่ยังตกลงกันไม่ได้คือความเห็นชอบและจำนวนเงินที่จะกระจายไปในแต่ละมลรัฐ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ตกงานจากภาครัฐและจำนวนเงินของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้ หากว่าสภาไม่สามารถตกลงเรื่องนี้ได้ภายในสิ้่นปีนี้จะส่งผลให้ชาวอเมริกันนับล้านไม่ได้รับสิทธิ์เงินช่วยเหลือการว่างงานนับตั้งแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นไป
ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ นักลงทุนจะเริ่มได้เห็นข้อมูลการรายงานผลประกอบการรายไตรมาสของบางบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อาจช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกและบอกใบ้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่าจะเป็นเช่นไรในช่วงต้นปี 2021
1. FedEx
บริษัทผู้ให้บริการขนส่งชื่อดังเฟดเอ็กซ์ (NYSE:FDX) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสที่ 2 ปี 2021ในวันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคมหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด โดยเฉลี่ยแล้วนักวิเคราะห์ประเมินว่ากำไรในไตรมาสนี้จะอยู่ที่ $19,270 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $3.81
การรายงานผลประกอบการที่ถือว่ามาเร็วกว่าบริษัทอื่นๆ ในสหรัฐฯ จะได้รับการจับตามองจากนักลงทุนเป็นอย่างมากเพราะธุรกิจการขนส่งในมุมมองทั่วไปก็สามารถใช้เป็นตัวบ่งบอกสภาพการส่งออกค้าขายของเศรษฐกิจทั่วโลกได้ ครั้งล่าสุดที่ทางเฟดเอ็กซ์ได้ออกมาสื่อสารกับสาธารณชน พวกเขาบอกว่าความต้องการใช้บริการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเพราะโควิด-19 การส่งคำสั่งขอรับบริการด้วยรูปแบบดิจิทัลกลายเป็นตัวเลือกที่บริษัทต้องมีเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่ต้องการส่งสินค้าแต่ไม่สามารถออกจากบ้านได้
Brie Carere หัวหน้าฝ่ายการตลาดของเฟดเอ็กซ์บอกกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อเดือนกันยายนว่าบริษัทต้องการให้ตัวเลขยอดการขนส่งสินค้าสามารถขึ้นถึง 100 ล้านชิ้นต่อวันได้ภายในปี 2023 ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นเฟดเอ็กซ์ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 90% มีราคาปิดอยู่ที่ $289.47 การรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้อาจเป็นคำใบ้ได้ว่าความร้อนแรงนี้จะสามารถกลายเป็นความร้อนแรงในระยะยาวได้หรือไม่
2. Nike
บริษัทเจ้าของแบรนด์สินค้ากีฬาชื่อดังไนกี้ (NYSE:NKE) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีในไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 ในวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคมหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด โดยเฉลี่ยแล้วนักวิเคราะห์ประเมินว่ากำไรในไตรมาสนี้ของไนกี้จะอยู่ที่ $10,550 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.62
ไนกี้ถูกคาดหวังว่าจะสามารถรายงานตัวเลขผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้เพราะร้านตัวแทนจำหน่ายหลายแห่งสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งและธุรกิจการส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรงกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ความเชื่อมั่นนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หุ้นไนกี้สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตั้งแต่ต้นปี 2020 มาจนถึงปัจจุบันหุ้นไนกี้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 35% มีราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่แล้วอยู่ที่ $137.41
ไนกี้ถือเป็นแบรนด์ที่อยู่มายาวนานและยังรู้จักที่จะปรับตัวเข้าหาโลกดิจิทัลด้วย การมีจุดยืนที่มั่นคงรวมถึงการมีผลิตภัณฑ์ดังๆ เป็นตัวชูโรงอย่างรองเท้าแอร์ จอร์แดนทำให้การเติบโตในระยะยาวของบริษัทเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรให้ความสำคัญ ในไตรมาสแรกไนกี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งแล้วผ่านตัวเลขกำไรจากรายงานผลประกอบการที่มากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์แม้ว่าจะถูกคุกคามจากโควิด-19 อยู่ก็ตาม
3. Pfizer
นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิดชื่อดังนามไฟเซอร์ (NYSE:PFE) อีกแล้ว ล่าสุดองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ก็ได้อนุมัติให้ใช้ยาของไฟเซอร์เป็นยารักษาผู้ป่วยฉุกเฉินแล้วนั้นทำให้การเปิดตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันนี้น่าจับตาดูหุ้นของไฟเซอร์เป็นอย่างยิ่ง
สัปดาห์นี้ตลาดลงทุนจะได้เห็นจริงๆ แล้วว่าจำนวนยาที่ทางไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค (NASDAQ:BNTX) ประเมินเอาไว้จะมีเพียงพอหรือไม่เพราะพวกเขาจะเริ่มจำหน่ายยาล็อตแรกไปทั่วทั้งประเทศกันแล้ว นาย Gustave F. Perna หัวหน้าทีมดูแลการแจกจ่ายวัคซีนของภาครัฐได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ว่าวัคซีนจะเดินทางมาถึงมือพวกเขาภายในวันนี้และกลุ่มที่จะได้สิทธิ์รับยาของไฟเซอร์ก่อนคือกลุ่มบุคคลากรทางการแพทย์และผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลในระยะยาว
ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา หุ้นของไฟเซอร์ทำผลงานขาขึ้นได้อย่างยอดเยี่ยมบนความหวังของการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด หุ้นของไบโอเอ็นเทคเองก็สามารถปรับตัวขึ้นได้มากถึง 94% ภายในระยะเวลาเดียวกัน ในช่วงสามเดือนล่าสุดหุ้นไฟเซอร์ได้ปรับตัวขึ้นมา 20% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $41.12