ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสำหรับนักลงทุนแต่อย่างใดที่ได้เห็นบริษัท Salesforce (NYSE:CRM) ผู้ให้บริการระบบ CRM ผ่านรูปแบบคลาวด์ทุ่มเงินก้อนโตกว่า $27,700 ล้านเหรียญสหรัฐในการเข้าซื้อบริษัท Slack Technologies Inc. (NYSE:WORK) บริษัทผู้พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับการทำงานชื่อดังซึ่งเป็นที่นิยมในระดับองค์กร
นับตั้งแต่มีรายงานเรื่องการซื้อขายครั้งนี้จาก Wall Street Journal เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หุ้นของบริษัทก็ปรับตัวลดลง 8% มีราคาซื้อขายล่าสุดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $220.78 ปรับตัวลดลงอีก 8.5% ในทางกลับกัน กลายเป็นว่าบริษัทที่ถูกซื้อไปนั้นกลับมีราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้น ล่าสุดหุ้นของ Slack มีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ $45.50 ปรับตัวขึ้นมา 54% หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้น 26 เท่านับจากช่วงเวลาที่มีการซื้อขายบริษัท
ตามรายงานของ Wall Street Journal การควบรวมกิจการครั้งนี้ของ Salesforce มีมูลค่าสูงกว่าดีลครั้งไหนๆ ที่เคยทำมา ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยซื้อบริษัทซอฟต์แวร์นาม Tableau ด้วยเงินมูลค่า $14,700 ล้านเหรียญสหรัฐและซื้อบริษัท Mulesoft ด้วยวงเงิน $5,800 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกันแล้ว Salesforce ใช้เงินซื้อ Slack มาในราคาที่แพงมากกว่า 2 บริษัทนั้น 11-15 เท่าตามลำดับ
นอกจากดีลนี้จะไม่สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนแล้ว ยังสร้างความกังวลให้กับนักวิเคราะห์บางคนด้วย พวกเขาประเมินว่าเงินที่ Salesforce ใช้ทุ่มซื้อ Slack มานั้นไม่ได้ช่วยให้บริษัทได้เปรียบมากขึ้นในการต่อกรกับคู่แข่งยักษ์ใหญ่ นักวิเคราะห์เข้าใจดีว่านาย Marc Benioff CEO ของ Salesforce ต้องการที่จะขยายตลาดแต่ดีลนี้ของเขาก็ค่อนข้างชัดเจนว่า Salesforce ต้องการที่จะท้าชนกับยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) บริษัทรุ่นเก๋าที่มีผลิตภัณฑ์การทำงานในตัวอย่างครบเครื่องตั้งแต่แพลตฟอร์มคลาวด์การทำงานเป็นทีม และซอฟต์แวร์ที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วและเอามาต่อยอดในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันมีผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟต์ต่อวันมากถึง 115 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากยอด 75 ล้านคนในเดือนเมษายน
จะยังเป็นการเดินหมากที่ถูกต้องของ Salesforce อยู่หรือไม่
แม้ว่าบริษัท Slack จะไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือบริษัทไม่ได้อัปเดตตัวเลขผู้ใช้งานรายวันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ตัวเลขล่าสุดที่ Slack เคยอัปเดตเอาไว้มียอดผู้ใช้งานบนแพตฟอร์มอยู่ที่ 12 ล้านคนต่อวัน
Daniel Ives นักวิเคราะห์จาก Wedbush ประเมิน Slack เอาไว้ในระดับ “ต่ำกว่ามาตรฐาน” โดยเปรียบเทียบว่า Slack เป็นโปรแกรมที่ดีก็จริงแต่ก็ไม่ได้มีความโดดเด่นไปกว่าโปรแกรมแชทอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับตัวเลขผู้ใช้งานบน “Microsoft Teams” ด้วยแล้ว ผู้ที่ใช้งานบน Microsoft สามารถซิงค์การทำงานของเขาร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ และสามารถทำงานได้ง่ายกว่าและยังมียอดผู้ใช้งานมากกว่า Slack หลายเท่า ต่อให้ Slack ไม่ทำอะไรเลย สุดท้ายสิ่งนี้เองจะกลายเป็นภัยคุกคามของ Slack เอง
แต่หากจะให้วิเคราะห์เข้าข้าง Salesforce ว่าบริษัทมีเหตุผลอะไรถึงต้องทุ่มเงินมากขนาดนี้ในการซื้อบริษัทที่ไม่รู้ว่าจะสามารถเอาชนะยักษ์ใหญ่ได้หรือไม่นั้น เป็นไปได้ว่า Salesforce ตั้งใจที่จะนำ Slack มาเชื่อมต่อสื่อสารบริการการจัดการของตัวเอง พวกเขาพยายามที่จะทำให้ลูกค้าผู้ใช้งานอยู่ในระบบของ Salesforce เชื่อมถึงกันได้ง่ายขึ้นผ่าน Slack
แม้ว่าหลายฝ่ายจะประเมินว่ามีความเสี่ยงมากแค่ไหนก็ตาม CEO ของ Salesforce กลับมองว่าดีลการซื้อ Slack นี้จะช่วยเพิ่มกำไรใหักับบริษัทได้มากเป็นเท่าตัวในอนาคต เขาพึ่งกล่าวเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนไปเมื่อวันอังคารว่า
“ด้วยการผนึกกำลังกันระหว่าง Salesforce และ Slack เราจะสามารถเปลี่ยนอนาคตของการทำงานบริษัทได้ ด้วยซอฟต์แวร์ที่เรามีจะทำให้ผู้ใช้งานของเราสามารถทำงานทุกอย่างได้บนโลกดิจิทัลและทำงานที่ใดเวลาไหนก็ได้อย่างแท้จริง”
โดยสรุปแล้ว
ชัดเจนว่านักลงทุนค่อนข้างเป็นกังวลกับก้าวครั้งนี้ของ Salesforce และความกังวลนี้ก็อาจจะกดดันหุ้นของบริษัทในระยะสั้นได้ แต่ที่ผ่านมา CEO คนนี้และทีมของเขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหลังจากควบรวมกิจการแล้ว เขาสามารถสร้างความสำเร็จได้อย่างไร ในช่วง 5 ปีล่าสุดพบว่ากำไรของ Salesforce เติบโตขึ้นมากกว่า 24% ในแต่ละปี ดังนั้นเราจึงมองว่าโอกาสที่หุ้น Salesforce กำลังถูกกดดันนี้คือช่วงเวลาที่ดีสำหรับการเข้าซื้อหุ้น