รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

3 หุ้นเด่นประจำสัปดาห์: Best Buy, Dell Technologies, Deere & Co.

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 23/11/2563 16:31

แม้สัปดาห์นี้เวลาในการลงทุนจะสั้นกว่าปกติเนื่องจากมีวันขอบคุณพระเจ้าในวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน แต่ก็ยังมีหลายประเด็นที่นักลงทุนควรจับตามองอย่างเช่นยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นจนอาจนำไปสู่มาตรการล็อกดาวน์ในบางรัฐ หากเกิดขึ้นจริงย่อมส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างไม่ต้องสงสัย

สำหรับนักลงทุนผู้ที่มองไปยังโลกหลังยุคโควิดแล้ว ตอนนี้เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้เห็นราคาหุ้นปรับตัวลดลงมา พวกเขาจะมองว่าเป็นการย่อเพื่อเปิดโอกาสให้เข้าถือหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่จะได้ประโยชน์จากวัคซีนต้านโควิด-19 โดยตรง พวกเขาหวังว่าจะได้เห็นตัวยาจริงๆ ก่อนสิ้นปีนี้

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากธนาคารชื่อดังเจพี มอร์แกนได้ออกมาเตือนนักลงทุนเมื่อวันศุกร์ว่า “หน้าหนาวปีนี้จะหนาวยิ่งกว่าทุกๆ ปี” ในความหมายของธนาคารชื่อดังคงหมายถึงมาตรการคุมเข้มโควิดที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่สี่ปี 2020 ต้องติดลบเป็นครั้งแรก ในบทความนี้เราจะพาไปดูบริษัทที่ยังไม่ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2020 ซึ่งเหลือน้อยเต็มทีแล้ว

1. Best Buy

ร้านค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคสัญชาติอเมริกันเบสท์ บาย (NYSE:BBY) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2020 ในวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายนก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้เบสท์ บายจะสามารถทำกำไรได้ทั้งสิ้น $11,000 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.71BBY Weekly TTM

ตลอดทั้งปีนี้ยอดขายของเบสท์ บายได้รับอานิสงส์มาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ผู้คนเปลี่ยนมาทำงานที่บ้านมากยิ่งขึ้น ความต้องการเทคโนโลยีเพื่อใช้งานที่บ้านทำให้ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นเบสท์ บายปรับตัวขึ้น 26% มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ $119.14

ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา เบสท์ บายสามารถทำยอดขายในระดับสองหลักได้จากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เฉพาะยอดขายผ่านทางออนไลน์ เบสท์ บายมีกำไรเพิ่มขึ้น 242% หากต้องการที่จะรักษาความแข็งแกร่งนี้เอาไว้ เบสท์ บายจะต้องแสดงยอดขายทาง E-Commerce ที่สามารถชดเชยการขาดทุนที่เกิดขึ้นจากร้านตัวแทนจัดจำหน่ายปกติที่เจอผลกระทบจากโควิด-19 ในการรายงานผลประกอบการวันพรุ่งนี้

2. Dell Technologies

บริษัทผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์จากรัฐเท็กซัส เดลล์ (NYSE:DELL) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ในวันอังคารเช่นเดียวกับเบสท์ บาย แต่จะรายงานหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้เดลล์จะสามารถทำกำไรได้ทั้งสิ้น $21,900 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.36

กำไรของเดลล์ในไตรมาสนี้ได้อานิสงส์ในลักษณะเดียวกันกับเบสท์ บาย แต่ถึงแม้จะได้กำไรจากการทำงานอยู่บ้านของผู้คนแต่พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของเดลล์ก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดจนนำไปสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ในไตรมาสที่สอง กำไรจากการขายคอมพิวเตอร์ให้กับผู้บริโภครายย่อยเพิ่มขึ้น 18% แต่ยอดขายคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะให้กับลูกค้าที่เป็นองค์กรกลับลดลง 11%

DELL Weekly TTM

สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้อ้างอิงคำพูดของ CEO บริษัทนายไมเคิล เดลล์ที่ออกมาพูดว่าเขาจะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทเดลล์ใหม่อีกครั้ง เขาหวังว่าจะสามารถทำกำไรได้จากบริษัท VMware (NYSE:VMW) ที่เดลล์ไปควบรวมกิจการมาได้ตั้งแต่หลายปีก่อน  เป็นไปได้ว่าเดลล์อาจต้องการให้ VMware แยกตัวออกมาตั้งเป็นบริษัทเองอีกครั้งภายใต้การบริหารของบริษัท ล่าสุดหุ้นของเดลล์มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $68.34 ตลอดทั้งปี 2020 ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 36%

3. Deere & Company

บริษัทผู้ผลิตรถแทรกเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เดียร์ แอนด์ คอมปานี (NYSE:DE) หรือที่รู้จักกันในนาม “จอห์น เดียร์” จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ในวันพุธที่ 25 พฤศจิกายนก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจอห์น เดียร์จะสามารถทำกำไรในไตรมาสนี้ได้ $7,560 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.49 DE Weekly TTM

นับตั้งแต่ลงไปสร้างจุดต่ำสุดเอาไว้ในเดือนมีนาคม หุ้นของจอห์นเดียร์ก็สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งจากความต้องการอุปกรณ์ทางการเกษตร แม้จะต้องเผชิญกับโรคระบาดโควิด-19 แต่ความต้องการสินค้าเกษตรของผู้บริโภคยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง บริษัทเคยกล่าวเอาไว้ในเดือนสิงหาคมว่ายอดขายอุปกรณ์การเกษตรของบริษัทอาจลดลง 10% เมื่อเทียบกับกรอบกำไรปกติที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 10% - 15% 

จอหน์ เมย์ CEO ของบริษัทกล่าวเอาไว้ว่า

“แม้จะเจอกับปัจจัยความไม่แน่นอนที่สูงมากเป็นพิเศษในปีนี้ แต่เราเชื่อว่าบริษัทจอห์นเดียร์ยังเป็นจ้าวแห่งโลกการเกษตรอยู่ นอกจากนี้เรายังเป็นผู้ที่มอบความช่วยเหลือและกำไรที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกรที่ต้องการ”

ในปี 2020 นี้หุ้นจอห์นเดียร์ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 49% เมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวขึ้นมา 10% มีราคาซื้อขายล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 1% หรืออยู่ที่ $258.56

ความคิดเห็นล่าสุด

👍🏻
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย