ไม่ว่าจะเป็นโอเปกหรือสถาบันการลงทุนเกี่ยวกับพลังงานจะเล็กหรือใหญ่ล้วนแต่มองว่าภาพรวมน้ำมันดิบยังไม่มีความชัดเจน สิ่งที่ไม่มีใครรู้แน่ชัดก็คือขาลงต่อไปจะเกิดขึ้นกับราคาน้ำมันในเร็วๆ นี้หรือไม่ ในขณะเดียวกันสถานการณ์ของราคาทองคำที่อยู่ใกล้กับจุดต่ำสุดในรอบสองเดือนยังชี้ให้เห็นว่ายังอ่อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้สิ่งที่อาจจะเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาดได้มีอยู่ 2 อย่าง หนึ่งคือการดีเบตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และผู้ท้าชิงนายโจ ไบเดนในวันอังคารที่ 29 กันยายนและการรายงานตัวเลขการจ้างงานอกภาคการเกษตรที่จะเกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม
สิ่งที่อาจจะพอเป็นข่าวดีให้กับนักลงทุนที่หวังในชาขึ้นของทองคำยังมีอยู่บ้างเมื่อข้อมูลจาก CFTC ของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันศุกร์ว่ามีแรงขายกำลังรอเทให้กับกราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐอยู่ซึ่งความหวังนั้นก็อาจทำให้ทองคำอาจจะกลับขึ้นไปยัง $1,863 ได้
โอเปกคาดว่าอาจจะมีปริมาณน้ำมันดิบคงคลังเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้
นาย Mohammad Barkindo เลขาธิการของกลุ่มโอเปกกล่าวในการประชุมระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของ G20 ผ่านวิดีโอคอลว่า
“อ้างอิงข้อมูลจากองค์กรที่ทำหน้าที่กักเก็บน้ำมันดิบที่มีรายชื่ออยู่ในโอเปกระบุว่าระดับน้ำมันคงคลังในไตรมาสที่สามปี 2020 ของประเทศที่พัฒนาแล้วอาจมีตัวเลขสูงกว่าระดับน้ำมันค่าเฉลี่ยห้าปี อย่างไรก็ตามในไตรมาสที่สี่คาดว่าน้ำมันดิบคงคลังของ OECD จะปรับตัวลดลงและมีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 123 ล้านบาร์เรลซึ่งก็ยังถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบห้าปีอยู่ดี”
Vitol เชื่อราคาน้ำมันดิบจะขึ้นในไตรมาสที่สี่
บริษัทซื้อขายน้ำมันอิสระระดับโลกอย่าง Vitol มีความหวังเล็กๆ ว่าราคาน้ำมันจะสามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้ในไตรมาสที่สี่หลังจากที่ความต้องการน้ำมันของโลกต้องถูกชะลอด้วยภัยโรคระบาดอย่างโควิด-19 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานคำพูดของหนึ่งในคณะกรรมการของกลุ่ม Vitol นาย Chris Bake กล่าวว่า
“สถานการณ์ของตลาดน้ำมันดิบในไตรมาสที่สี่เชื่อว่าจะดีขึ้นเพราะตัวแปรที่จะทำให้ราคาน้ำมันดิบผันผวนนั้นลดน้อยลง”
ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงหากนับจากสามในสี่สัปดาห์ล่าสุด นักวิเคราะห์เตือนว่าในระยะสั้นราคาน้ำมันดิบอาจมีความผันผวนเกิดขึ้นอีกจากปัญหาทางการเมืองในประเทศลิเบียที่อาจนำไปสู่การผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ WTI มีราคาซื้อขายล่าสุด (ในขณะที่กำลังเขียนบทความ) อยู่ที่ $39.80 ต่อบาร์เรลเทียบเวลากับตลาดซื้อขายฝั่งสิงคโปร์ที่ 5:39 GMT ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $41.97 ปรับตัวลดลง 1% ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วลดลง 3% เทียบเวลากับตลาดสิงคโปร์ด้วยเช่นกัน
สถานการณ์ในประเทศลิเบียสร้างความปวดหัวครั้งใหม่ให้กับโอเปก
บริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศลิเบียคาดว่าอาจจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นอีกประมาณ 260,000 บาร์เรลต่อวันภายในสัปดาห์หน้าซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนที่ควบคุมการผลิตเอาไว้ที่ระดับ 100,000 บาร์เรลต่อวัน
นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขการผลิตน้ำมันของลิเบียอาจสามารถขึ้นไปถึง 550,000 บาร์เรลต่อวันได้ภายในสิ้นปีนี้และอาจเลยขึ้นไปถึงระดับเกือบล้านบาร์เรลต่อวันได้ภายในช่วงกลางปี 2021 นี่ไม่ใช่ตัวเลขที่นักวิเคราะห์ยกขึ้นมาลอยๆ เพราะในปี 2008 ที่เกิดสงครามกลางเมืองในลิเบียตอนนี้ลิเบียเคยทำสถิติตัวเลขการผลิตสูงสุดเอาไว้ที่เกือบ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นาย Marco Dunanf ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Murcuria ให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กว่าสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเช่นนี้อาจทำให้โอเปกต้องเรียกประชุมประเทศกลุ่มสมาชิกเพื่อหาทางรับมือน้ำมันลอตใหม่ที่กำลังจะเพิ่มเข้ามาในตลาด
“เรากำลังจะได้เห็นน้ำมันกลับมาล้นคลังทั้งบนบกและบนเรืออีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้โลกได้พยายามลดตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังลงซึ่งก็ยังไม่ได้เห็นผลดีเท่าที่ควร”
ทองคำพึ่งทำสถิติมีผลงานการวิ่งยอดแย่ที่สุดในรอบ 6 เดือน
แร่โลหะซึ่งเป็นสินทรัพย์สำรองอันดับหนึ่งของโลกอย่างทองคำพึ่งได้รับตำแหน่งใหม่เป็นผู้ที่ทำผลงานการวิ่งได้แย่ที่สุดในรอบหกเดือน ตัวเลขจากห้าสัปดาห์ล่าสุดพบว่ามูลค่าของทองคำลดลงไปแล้ว 5% ซึ่งตอนนี้ใครๆ ก็ต่างหันไปบูชาคู่แข่งคนสำคัญอย่างดอลลาร์สหรัฐ Ed Moya นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ OANDA ในสัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ว่า
“สัปดาห์ที่แล้วคือฝันร้ายที่นักลงทุนผู้ถือทองคำต้องการจะลืม นี่คือขาลงที่แย่ที่สุดของทองคำนับตั้งแต่จุดต่ำสุดของตลาดลงทุนในเดือนมีนาคม”
กราฟราคาทองสปอตสัปดาห์ที่แล้วปิดตลาดด้วยตัวเลขการปรับตัวลดลง 4.6% และในวันนี้เวลา 6:06 GMT ตามเวลาท้องถิ่นของสิงคโปร์พบว่าราคาทองคำปรับตัวลดลงอีก 0.3% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1,856.92 ในขณะที่ฝั่งตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนธันวาคมปรับตัวลดลง 0.3% เช่นกัน มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1,856.92 สัปดาห์ที่แล้วปิดสัปดาห์ด้วยตัวมูลค่าที่ลดลง 4.9%
นาย Rajan Dhall นักวิเคราะห์จาก FXStreet วิเคราะห์ภาพรวมของทองคำเมื่อวันศุกร์ว่า
“เป้าหมายสำหรับการปรับฐานต่อไปของราคาทองคำอาจอยู่ที่ $1,847.34 - $1,794 แต่กราฟก็ยังลงอยู่แม้อินดิเคเตอร์ RSI จะกองอยู่ที่โซน oversold นานแล้ว”
ฉากต่อไปของดราม่าทองคำขึ้นอยู่กีบดีเบต ปธน. และตัวเลขการจ้างงาน
เป็นที่ทราบกันดีว่าราคาทองคำในปีนี้สามารถขึ้นจากจุดต่ำสุดในรอบห้าเดือนที่ $1,451.50 ขึ้นมาสร้างจุดสูงสุด ณ $2,073 ได้ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมเป็นเพราะวิกฤตโควิดที่เข้ามาจนทำให้เศรษฐกิจชะงักเพราะการล็อกดาวน์และทำให้ธนาคารกลบางสหรัฐฯ ต้องพิมพ์เงินเพิ่มและลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นับตั้งแต่นั้นดอลลาร์ก่อนอ่อนค่ามาตลอดและทองคำก็มีแต่ปรับตัวขึ้น
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป สกุลเงินอื่นๆ เริ่มอ่อนค่าลงเพราะกลับมามีปัญหาเรื่องโควิดอีกครั้งประกอบกับความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ - จีนทำให้ตลาดกลับมาถือดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัยอันดับหนึ่งอีกครั้ง นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร OCBC นาย Howie Lee ให้ความเห็นว่า
“ตราบใดที่นักลงทุนในตลาดยังไม่กล้าเสี่ยง ตราบนั้นดอลลาร์ก็จะแข็งค่าต่อไปเพราะคนยังต้องการกอดดอลลาร์เอาไว้ก่อน นี่คือปัจจัยกดดันราคาทองคำให้ลดลงที่ใกล้ที่สุด ณ ขณะนี้”
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐในวันนี้ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดวันแรกของสัปดาห์ปรับตัวลดลง 0.2% มีระดับราคาอยู่ที่ 94.537 ลงมาจากจุดสูงสุดในรอบสองเดือนที่ 94.795 เมื่อวันศุกร์เล็กน้อย จากรูปกราฟด้านล่างแสดงให้เห็นว่าตัวดัชนีไม่ได้ขึ้นมาไกลจากระดับ 94 เท่าไหร่ซึ่งเป็นไปได้ว่านักลงทุนกำลังกังวลกับการดีเบตระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์และโจ ไบเดนกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร
ดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นหากว่าโจไบเดนสามารถทำได้ดีในระหว่างการโต้วาทีและจะยิ่งแข็งค่าขึ้นหากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ในวันศุกร์ออกมามีจำนวนงานเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ 850,000 ตำแหน่ง การรายงานตัวเลขการจ้างงานรอบล่าสุดมีตัวเลขออกมาอยู่ที่ 1.37 ล้านตำแหน่ง