Supalai PCL F (BK:SPALIf) 2Q63 เป็นจุดต่ำสุด รอการฟื้นตัวของอุปสงต์แนวสูง
คาดรายได้และกำไรสุทธิ 2Q63 ที่ 3.1 พันลบ. (-15.9% QoQ, -29.4% YoY) และ 592 ลบ. (-21.1% QoQ,-22.8% YoY) ตามลำดับ ต่ำสุดในรอบ 24 ไตรมาส จาก 1) ผลกระทบของ COVID-19 ต่อยอดเยี่ยมชม โครงการ ท าให้การระบายสินค้าคงเหลือท าได้ยากขึ้น โดยเฉพาะโครงการแนวสูงจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค (SPALI มีสัดส่วนโครงการพร้อมขาย แนวสูงต่อแนวราบที่สูงกว่า 50%) 2) ยอดขายโครงการแนวราบที่ปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงปลาย 2Q63 ส่วนใหญ่จะรับรู้เป็นรายได้ใน 3Q63และ 3) ไม่มีโครงการแนวสูงเสร็จใหม่พร้อมโอนใน 2Q63
บริษัทรายงาน Presale 2Q63 ที่ 6.4 พันลบ. (+11.1% QoQ, -9.6% YoY) ปรับตัวดีขึ้น QoQ จากยอดขายโครงการแนวราบที่ได้รับอานิสงส์ของการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม (Presale แนวราบ 2Q63 อยู่ที่ 4.8 พันลบ. +46% YoY) หนุนจากการเปิดตัวโครงการใหม่ใน 1H63 ทั้งสิ้น 10 โครงการ รวมมูลค่า 9.2 พันลบ.อย่างไรก็ตาม ยอดขายโครงการแนวสูงทำได้เพียง1.5 พันลบ. หดตัวลงกว่า 59% YoY จากการไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่และอุปสงค์ที่อ่อนแอ
Backlog ณ สิ้น 2Q63 อยู่ที่ 3.9 หมื่นลบ. คาดรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีที่ 1.3 หมื่นลบ. แบ่งเป็น Backlog โครงการแนวราบ-แนวสูงที่ราว 8.0 พันลบ. และ 5.0 พันลบ. ตามลำดับ
ปรับสัดส่วนการเปิดตัวโครงการใน 2H63 แนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัวเด่น HoH
เราคาดผลประกอบการ 3Q63 พื้นตัวขึ้นโดดเด่น QoQ จากการมีโครงการแนวสูงที่คาดจะแล้วเสร็จพร้อมโอนทั้งสิ้น 2 โครงการ ได้แก่ Supalai Loft Yaek Fai Chai Station (มูลค่า 1.2 พันลบ. - 96% Sold) และSupalai Park Talat Phlu (มูลค่า 1.9 พันลบ. - 47% Sold) และคาดผลประกอบการ 4Q63 เป็นจุดสูงสุดของปีจากการที่จะมีโครงการแนวสูงพร้อมโอนอีก 2 โครงการคือ Supalai Oriential Sukhumvit 39 (มูลค่า1.0 หมื่นลบ. – 57% Sold) และ Supalai Prime Rama 9 (มูลค่า 780 ลบ. – 32% Sold) อย่างไรก็ดี
Supalai Oriential Sukhumvit 39 เป็นโครงการที่มีสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติสูง (ราว 50% ของยอดขายปัจจุบัน) ยอดโอนจึงอาจขึ้นอยู่กับสถานการณ์ COVID-19 โดยเฉพาะการเปิดช่องทางการเดินทางระหว่างประเทศ
ล่าสุดบริษัทปรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ใน 2H63 โดยคาดเปิดตัวโครงการแนวราบที่ 18 โครงการ (จากเดิม 16 โครงการ) และปรับลดแผนเปิดตัวโครงการแนวสูงเหลือ 3 โครงการจากเดิม 4 โครงการ ทั้งนี้มูลค่ารวมของโครงการเปิดตัวยังคงไว้เช่นเดิมที่ 2.1 หมื่นลบ.
ปรับลดประมาณการปี 2563 อุปสงคแ์นวสูงยังน่าเป็นห่วง
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2563 ลง 9% เป็น 4.4 พันลบ. แต่คงประมาณการกำไรปี 2564 ที่ 5.6 พัน ลบ. เติบโตขึ้น 26% YoY จากการระบาย Inventory โครงการแนวสูงที่คาดชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากสัดส่วนการโอนโครงการแนวราบที่สูงขึ้น และอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคาร พาณิชย์ที่เพิ่มมากขึ้น อิง PER ที่6.9x เทียบเท่า -1.0 SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท ได้ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 2Q64 ที่ 17.00 บาท คงคำแนะนำ “Trading” จาก Upside gain ที่จำกัดเพียง 4.3%
พร้อมคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2563 และ 2564 ที่ 5.0% และ 6.3% ตามลำดับ
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities