Stock Vitamins x Jitta
ADVANC, TRUE และ DTAC หุ้น 3 ตัวหลักในกลุ่ม ICT
DTAC ประกาศงบออกมาเป็นบริษัทแรก กำไรสุทธิ 1,888 ล้านบาท +20% ดีกว่าคาดมาก
แต่ก่อนที่เราจะไปลงลึกในรายละเอียดว่างบ DTAC เป็นอย่างไร เราลองมาเปรียบเทียบพื้นฐานของทั้ง 3 บริษัทกันก่อนด้วยการใช้ App Jitta ครับ
(BK:ADVANC)
เบอร์ 1 ในกลุ่มด้วยจำนวนผู้ใช้บริการ 41.1 ล้านเลขหมาย (ตัวเลขสิ้น Q1’20)
รายได้เต็มปี 181,654 ล้านบาท กำไรสุทธิ 31,189 ล้านบาท NPM 17.2%
Jitta Score 5.69 ดีที่สุดในกลุ่ม
Jitta Factors ดูโดดเด่นโดยเฉพาะความแข็งแกร่งด้านการเงิน มาดูที่ Jitta Signs จะเห็นว่ารายได้และกำไรโตต่อเนื่อง หนี้สินระยะยาวต่ำ ความสามารถในการจ่ายหนี้ดี
P/E 18.11 เท่า P/BV 8.51 เท่า
ราคาถูกกว่า Jitta Line 12.78%
(BK:TRUE)
เบอร์ 2 ในกลุ่มด้วยจำนวนผู้ใช้บริการ 30.3 ล้านเลขหมาย (ตัวเลขสิ้น Q1’20)
รายได้เต็มปี 157,534 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,636 ล้านบาท NPM 3.6%
Jitta Score 2.59 ต่ำที่สุดในกลุ่ม
Jitta Factors ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ทั้งงบการเงิน การเติบโต และความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน พอมาดูที่ Jitta Signs จะเห็นว่ารายได้และกำไรโตอยู่ในแนวโน้มลดลงอยู่ หนี้สินระยะยาวสูงมาก อัตรากำไรค่อนข้างต่ำ
P/E 28.6 เท่า P/BV 1.35 เท่า
ราคาแพงกว่า Jitta Line 334.35%
(BK:DTAC)
เบอร์ 3 ในกลุ่มด้วยจำนวนผู้ใช้บริการ 18.8 ล้านเลขหมาย (ตัวเลขสิ้น Q2’20)
รายได้เต็มปี 81,228 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,421 ล้านบาท NPM 6.7%
Jitta Score 3.92
Jitta Factor อยู่กลางๆ มีดีและไม่ดีปะปนกัน มาดูที่ Jitta Signs จะเห็นว่ากำไรช่วงหลังเริ่มปรับตัวดีขึ้น (จากปีก่อนที่แย่) แต่ก็จะมีเรื่องของหนี้ระยะยาวที่สูง และอัตรากำไรที่ไม่ค่อยสม่ำเสมอเท่าไหร่
P/E 16.28 เท่า P/BV 3.77 เท่า
ราคาแพงกว่า Jitta Line 669.92%
==========================
ทีนี้เราจะมาเจาะลึกถึงหุ้น DTAC กันครับว่างบ Q2’20 มีประเด็นอะไรเพิ่มเติมที่น่าสนใจบ้าง
1. จำนวนลูกค้าลดลงต่อเนื่อง
ลูกค้า 18.8 ล้านเบอร์ 68% คือ ลูกค้าเติมเงิน และ 32% คือ รายเดือน ลูกค้าลดลง 835,000 เบอร์ หลักๆ มาจากเติมเงิน ที่นักท่องเที่ยว และแรงงานต่างด้าวหายไป เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ว่า ถ้าการท่องเที่ยวยังไม่กลับมา ภาคการผลิตและบริการยังไม่ได้เดินหน้าเต็มที่ คนทั้งสองกลุ่มก็คงยังไม่กลับมาแบบเต็มที่ แนวโน้มลูกค้าน่าจะลดลงต่อ
และคงไม่ใช่เฉพาะที่ DTAC แต่กระทบหมดทั้งอุตสาหกรรม เดี๋ยวไว้งบของ ADVANC กับ TRUE ออกมาแล้ว จะมาอัพเดตให้ฟังกันอีกทีว่าจะกระทบแบบเดียวกันหรือเปล่า
2. ARPU ทรงตัว
Average Revenue Per User (ARPU) หรือ รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย เป็นตัวเลขสำคัญในการวัดรายได้ว่าจะมากหรือน้อย ARPU ของ DTAC อยู่ที่ 260 บาทต่อเดือน โตได้แค่ 0.5% แน่นอนว่าตัวที่ฉุดคือ ฝั่งของเติมเงิน ซึ่งมาจากโปรโมชั่นที่มีการแข่งขันรุนแรง แต่แนวโน้มในช่วง Q3 เราเริ่มเห็นการแข่งขันเริ่มไม่หนักเท่าช่วงที่ผ่านมา
จากการที่จำนวนลูกค้าลด ARPU ทรงตัว (แต่รายได้โทรทางไกล รายได้ขายมือถือลดลง) ทำให้รายได้รวมของ DTAC -4.3%
3. SG&A ลดได้เยอะ -12.2%
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ปกติอยู่ที่ 3,600-3,700 ล้านบาทต่อไตรมาส แต่ไตรมาสนี้อยู่ที่ 3,137 ล้านบาท ลดลงได้มากจากค่าการตลาด ค่าโฆษณาลดไปได้เยอะ และค่าเช่าร้านสาขาที่ลดไปมากตอนปิดห้าง แต่มีความเป็นไปได้ที่พอเปิดห้างแล้วค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะกลับมา และ Q4 ก็เป็นช่วงที่มีการใช้ SG&A มากที่สุดด้วย
4.รายการพิเศษ 316 ล้านบาท
กำไรจากการป้องกันความเสี่ยง 181 ล้านบาท
กำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมตราสารอนุพันธ์ 51 ล้านบาท
กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 4 ล้านบาท
กำไรจากการกลับรายการต้นทุนค่าคลื่น 80 ล้านบาท
ถ้าเราตัดรายการพิเศษต่างๆ ออกไป ทั้ง Q2 ปีนี้และปีที่แล้วจะพบว่า กำไรสุทธิเหลือ 1,573 ล้านบาท -1.3% แต่ก็ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันอยู่ดี
โดยภาพรวมแล้ว DTAC ลูกค้าลดลง รายได้ลดลง แต่ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี บวกกับกำไรพิเศษต่างๆ ทำให้กำไรดีเกินคาด แต่ในอนาคต มีเรื่องที่ท้าทายสำหรับ DTAC อยู่ 2 เรื่อง คือ
จะทำอย่างไร ถ้าลูกค้ายังลดลงต่อ แต่ค่าใช้จ่ายอาจลดได้ไม่มาก หรือจะรอจนกว่านักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าวกลับมา
การที่ DTAC ไม่ได้มี 5G ทัดเทียมกับเจ้าอื่น (ไม่มีคลื่น 2600 MHz) ความสามารถในการแข่งขันก็จะลดลง และอาจทำให้ลูกค้ารายเดือนที่จ่ายเงินเยอะ อาจย้ายค่ายไหลไปหา 5G ค่ายอื่นได้เช่นกัน
น่าติดตามว่าอนาคตของ DTAC จะวางกลยุทธ์อย่างไร
และโปรดติดตามว่างบของ ADVANC กับ TRUE จะออกมาเช่นไร
#Jitta #วิตามินหุ้น #DTAC
ป.ล. การลงทุนมีความเสี่ยง วิตามินหุ้นให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุน โปรดพิจารณาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้งนะครับ
..
Source:
S&P Global Market Intelligence เรียบเรียงโดย Jitta
DTAC Analyst Presentation
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins-วิตามินหุ้น