คาด 2Q63 ขาดทุนจากผลกระทบ COVID-19 เราคาดบริษัทมีผลประกอบการขาดทุนใน 2Q63 ที่ 85 ล้านบาท ปรับลดลงจาก 1Q63 และ 2Q62 ที่ 84 ล้านบาท และ 180 ล้านบาท ซึ่งคาดเป็นไตรมาสที่แย่สุดของปี จากผลกระทบของ COVID-19 ทำให้ลูกค้ามีการยกเลิกโฆษณา หรือลดงบโฆษณาลงจากเดิม งานกิจกรรมการตลาดถูกยกเลิก รวมถึงงานโอลิมปิค ซึ่งบริษัทได้สิทธิในการบริหารสื่อโฆษณา เดิมจะจัดในวันที่ 24 ก.ค. ถูกเลื่อนออกไปหนึ่งปี ทำให้รายได้จากการขายโฆษณาซึ่งเดิมจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาถูกเลื่อนออกไปด้วย
โดยพบว่า Utilization rate ปรับลดลงจาก 1Q63 ที่ 60% เหลือ 28% และรายได้ปรับลดลงจาก 1Q63 และ 2Q62 ที่ 965 ล้าน บาท และ 1,135 ล้านบาท ด้านประสิทธิภาพในการทำกำไรลดลง แม้บริษัทจะพยามควบคุมต้นทุน แต่ต้นทุนบางส่วนมีการบันทึกไปแล้วแม้จะยกเลิกหรือเลื่อนการจัดงานออกไป ส่งผลให้Operating Margin ปรับลดลงจาก 1Q63และ 2Q62 ที่ 10.9% และ 19.9% เหลือ -12.7%
2H63 เริ่มฟื้นตัวใน 2H63 คาดว่าผลประกอบการจะเริ่มพลิกฟื้น โดยกิจกรรมการตลาดจะกลับมาจัดมากขึ้น รวมถึงลูกค้า เริ่มกลับมาใช้งบโฆษณา โดยงานโครงการใหญ่ที่เดินหน้าต่อได้แก่ โครงการติดตั้งป้ายโฆษณา 7-eleven ใน กทม.และหัวเมือง ซึ่งทยอยติดไปแล้ว 500 สาขา และกำลังทยอย ติดตั้งอีก 1,000 สาขา ขณะที่ยังมี โครงการใหม่ที่ได้รับ “Smart Bus Shelter” จากสำนักงานการจราจรกรมขนส่งกรุงเทพฯ ในการสร้างและใช้ป้ายรถโดยสารประจำทางอัจฉริยะและบริหารจัดการพื้นที่สื่อป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์1,170 ป้าย และปรับปรุงดูแลและรักษาศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำจำนวน 691 หลัง
โดยเราประมาณการรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวใน 2H63 ที่90 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 150 ล้านบาท ในปี 2564 ภาพรวมปี 2563 เราคาดบริษัทมีกำไรสุทธิ 345 ล้านบาท ปรับลดลง 54%YoY ขณะที่ปี 2564 เราประมาณการแบบอนุรักษ์นิยมมากขึ้นปรับลดประมาณการลงจากเดิม 10% เหลือ 709 ล้านบาท จากการปรับลดสมมติฐานรายได้ลงจากเดิม 9%
คงคำแนะนำ “เก็งกำไร” แม้คาดว่าผลประกอบการในปีนี้จะปรับลดลง จากผลกระทบ COVID-19 แต่เรามองว่าตลาดรับรู้ไปแล้ว และคาดว่าเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ (BK:PLANB) เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์มากสุดจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณา สำหรับประเด็นที่ครม.อนุมัติการขึ้นอัตราภาษีป้ายโฆษณา ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.64 ยังต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากทางรัฐบาล แต่บริษัทให้ข้อมูลว่าไม่น่าจะกระทบต่อกำไรสุทธิเกิน 3% หากอิงภาษีป้ายปัจจุบันที่จ่ายอยู่ราว 50 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเรามีการปรับลดมูลค่าพื้นฐานใน 12 เดือนข้างหน้าจากเดิมที่ 7 บาท เหลือ 6.50 สะท้อนการปรับลดประมาณการกำไรในเชิง อนุรักษ์นิยมมากขึ้นสำหรับผลประกอบการตั้งแต่ปี 2564
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities