คาดกำไร 2Q63 ที่ 7,463 ล้านบาท อ่อนตัว 3%QoQและ 20%YoY
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัวลงมากแม้สินเชื่อจะยังเติบโตได้ แต่การลดดอกเบี้ยนโยบายและการลดดอกเบี้ยช่วยเหลือลูกหนี้ทำให้ NIM หดตัวแรง
อาจเห็นการฟื้นตัวของกำไรจากเงินลงทุน
สัดส่วน NPL อาจเพิ่มไม่มากแต่คาดสำรองหนี้เพิ่มเนื่องจากธนาคารอาจมีการตั้งสำรองเพิ่มเติม
ปรับประมาณการกำไรปี 63-64 ลงราว 10%จากประมาณการก่อนหน้า ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 142 บาท ยังคงมองเด่นสุดในกลุ่มฯ
คาดกำไร 2Q63 ยังอ่อนตัวลงต่อ
เราคาดกำไร 2Q63 ที่ 7,463 ล้านบาท อ่อนตัวลง 3%QoQและ 20%YoY โดยมีประเด็นสำคัญคือ
1. รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอาจอ่อนตัวลงราว 10%QoQแม้ว่าสินเชื่อจะเติบโตได้ราว 2% แต่ NIM อ่อนตัวลงแรงซึ่งเป็นผลจากการลดดอกเบี้ยตามแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย
อีกทั้งยังมีการลดดอกเบี้ยช่วยเหลือลูกหนี้ ทำให้ NIMอาจอ่อนตัวลงราว 24 bps
2. คาดรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นราว 33%QoQโดยหลักเป็นการเพิ่มขึ้นของกำไรจากเงินลงทุนหลังสภาวะตลาดทุนฟื้นตัวเมื่อเทียบกับปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา แต่หากเทียบ YoY รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยยังลดลง35%YoY ซึ่งเป็นผลจากสภาวะตลาดทุน และยังมีผลจากTFRS9 อีกด้วย
3. คาดสัดส่วน NPL อาจเพิ่มขึ้นไม่มากเนื่องจากยังเป็นช่วงคาบเกี่ยวที่ยังมีนโยบายช่วยเหลือลูกหนี้และนโยบายผ่อนผันการจัดชั้นหนี้อยู่อย่างไรก็ตามเราคาดว่าธนาคารจะมีการตั้งสำรองเพิ่มเติมเพื่อสะท้อนคุณภาพหนี้ทำให้เราคาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้จะเพิ่มขึ้นราว 7%QoQปรับประมาณการกำไรลงเพิ่มเติมเราปรับประมาณการกำไรปี 63-64 ลงราว 10%
จากประมาณการก่อนหน้าเหลือ 28,943 ล้านบาท (-19%YoY)และ 32,485 ล้านบาท (+12%YoY) ตามลำดับโดยหลักคือการเพิ่มประมาณการค่าใช้จ่ายสำรองหนี้จากเดิมอี
กราว 10 bps เนื่องจากแม้จะมีนโยบายผ่อนผันการจัดชั้นหนี้แต่ทางธนาคารน่าจะยังตั้งสำรองหนี้ในเชิงระมัดระวังอยู่ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้โดยรวมอาจสูงกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้ายังคงดูดีที่สุดในกลุ่มฯ
เราปรับประมาณการ ธนาคารกรุงเทพ (BK:BBL) พร้อมปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 64 ที่142 บาท อิง Justified PBV 0.6 เท่า โดยยังคงมอง BBLแข็งแกร่งสุดในกลุ่มฯ
บทวิเคราะห์จาก Trinity