หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังอยู่บนเส้นทางเก็บเงินฝากเพื่อหวังอัตราดอกเบี้ย ตอนนี้คุณอาจจะต้องทบทวนแผนการนั้นเสียใหม่เพราะล่าสุดการปรับอัตราดอกเบี้ยลงจนเกือบจะเข้าใกล้ 0% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อช่วยอุ้มภาคธุรกิจให้่สามารถฟื้นกลับมาหรือกู้ได้ง่ายขึ้นทำให้กำไรที่ได้คืนกลับมาจากเงินฝากน้อยมาก ถึงกระนั้นการลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการเติบโตในแง่ของการปันผลกำไรคือหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยให้นักลงทุนผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ได้ ดังนั้นบทความนี้เราจึงได้หยิบหุ้น 3 ตัวที่มีเสถียรภาพและการปันผลที่ดีมาฝากผู้อ่านกัน
1. Procter & Gamble
บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลก Procter & Gamble (NYSE:PG) หรือ “พีจี” มีชื่อเสียงที่ดีในฐานะหุ้นที่ควรซื้อและเก็บเอาไว้ในระยะยาว ด้วยความที่เป็นเจ้าของสินค้าอุปโภคบริโภคหลายอย่าง นักลงทุนจึงสามารถซื้อหุ้นเอาไว้เฉยๆ ได้เลยเพราะไม่ว่างจะช่วงเวลาปกติหรือวิกฤตถดถอย มนุษย์ก็ยังต้องกินต้องใช้อยู่ดี เมื่อวานนี้หุ้นพีจีมีราคาล่าสุดอยู่ที่ $118 เปอร์เซนต์การปันผลตอนนี้อยู่ที่ 2.68% ที่สำคัญที่สุดคือหุ้นพีจีปันผลมาแล้ว 61 ปีติดต่อกัน
ความสามารถในการปันผลมาตลอด 61 ปีแสดงให้เห็นว่าหุ้นพีจีมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีมาก ไลน์ผลิตภัณฑ์ของพีจีเริ่มต้นตั้งแต่ผ้าอ้อมเด็ก ผงซักฟอก กระดาษชำระ ฯลฯ ซึ่งของเหล่านี้คือสินค้าจำเป็นในยามปกติและยามวิกฤตทั้งสิ้น
ยิ่งการมาของโควิด-19 ยิ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าแบรนด์ของพีจีแข็งแกร่งเพียงใด พีจีเป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่ยังสามารถรักษาตัวเลขผลประกอบการที่ดีเอาไว้ได้ซึ่งสาเหตุก็มาจากการตื่นตูมของผู้บริโภคที่กลัวว่าของจะหมดสต๊อดจึงรีบมากว้านซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคของพีจีเอาไว้ก่อน ปัจจุบันอัตราความสามารถในการปันผลของหุ้นพีจีอยู่ที่ 66% และยังมีโอกาสจะเติบโตได้อีก ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มเงินปันผลขึ้นเป็น 2 เท่า ($0.79) ต่อหุ้นในทุกๆ ไตรมาส
2. Coca-Cola
ในโลกนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักเครื่องดื่มน้ำอัดลมโคคาโคล่า (NYSE:KO) หรือที่เราเรียกติดปากกันในนาม “โค๊ก” และนั่นทำให้หุ้นของของโค๊กกลายเป็นตัวเลือกในยามวิกฤตที่ดีเสมอมาเพราะนอกจากจะมีน้ำอัดลมอย่างโค๊กเป็นสินค้าขึ้นชื่อแล้วบริษัทโคคาโคล่ายังมีแบรนด์เครื่องดื่มอีก 500 กว่าแบรนด์อยู่ในมือและส่งไปขายยัง 200 ประเทศทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทโคคาโคล่ายังมีแบรนด์แยกออกไปอีก 21 แบรนด์ที่สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า $1,000 ล้านเหรียญต่อปี
ในแง่ของการปันผลพบว่าโคคาโคล่าสามารถเพิ่มเงินปันผลมานานกว่า 56 ปีติดต่อกัน แค่นี้ก็เพียงพอที่จะยืนยันความแข็งแกร่งของแบรนด์และไม่ต้องตอบคำถามแล้วว่าบริษัทจะสามารถเอาชีวิตรอดจากช่วงวิกฤตโควิด-19 ได้หรือไม่ ที่สำคัญคือตอนนี้หุ้นของโคคาโคลากำลังย่อตัวลงมาเพราะยอดขายจากการซื้อเครื่องอื่มผ่านเครื่องขายน้ำ ตัวแทนจำหน่าย ร้านค้าต่างๆ ที่อยู่ในบริเวณสถานที่สาธารณะต่างๆ ลดลงซึ่งเรามองว่านี่คือโอกาสที่ดีในการเป็นเจ้าของหุ้นโคคาโคลา
หากคิดจะลงทุนกับหุ้นโคคาโคลาในตอนนี้ก็ต้องรีบตัดสินใจหน่อยเพราะเรามองว่าการย่อลงมาของหุ้นโคคาโคลาตอนนี้จะเป็นเพียงการย่อลงมาชั่วคราวเท่านั้น การเป็นเจ้าของหุ้นโค๊กในตอนนี้จะทำให้คุณได้เปอร์เซนต์การปันผลที่ 3.52% ในปี 2019 โคคาโคลาพึ่งปรับเงินปันผลรายไตรมาสขึ้น 2.5% เป็น $0.41 ต่อหุ้น มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $46.50 ปรับตัวลดลงมา 16% ตลอดทั้งปี 2020
3. Walmart
เมื่อพูดถึงสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้สามารถผ่านไปได้ในแต่ละวันแบรนด์ร้านค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ Walmart (NYSE:WMT) เหตุผลที่วอลมาร์ตคือตัวเลือกที่ควรค่าแก่การซื้อเก็บก็ไม่ยากเลย เมื่อวิกฤตมาถึงการบริโภคอย่างฟุ่มเฟือยก็จะหายไป คนจะเก็บเงินมากขึ้น ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง แต่ก็ยังต้องกินต้องใช้ แล้วจะไปที่ไหนได้นอกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างวอลมาร์ท
จากรายงานผลประกอบการล่าสุดของวอลมาร์ทแสดงให้เห็นว่านักลงทุนให้ความสำคัญแค่ไหนกับการผ่านช่วงเศรษฐกิจถดถอยไปกับวอลมาร์ท ตัวเลขยอดขายผ่าน e-commerce แบบปีต่อปีกระโดดขึ้น 74% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขเมื่อปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 35% ในแง่ของการปันผลคืนสู่นักลงทุนวอลมาร์ทถือว่าทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจเพราะในแต่ละไตรมาสผู้ถือหุ้นจะได้เงินปันผลเพิ่มอีก 4% คิดเป็น $0.54 ต่อหุ้น มีเปอร์เซนต์การปันผลรายปีอยู่ที่ 1.8%
ในช่วง 46 ปีล่าสุดวอลมาร์ทได้เพิ่มเปอร์เซนต์การปันผลของบริษัทมาโดยตลอด นี่คือพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของบริษัทได้เป็นอย่างดี แม้แต่ยามวิกฤตก็ยังสามารถปันผลได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ราคาหุ้นของวอลมาร์ทมีราคาอยู่ที่ $118.17 ตัวเลขการวิ่งตลอดทั้งปีถือว่าปรับขึ้นลงไม่มาก ในมุมมองของเราการซื้อหุ้นวอลมาร์ทในตอนนี้นับว่าไม่เลวแม้ว่าบริษัทจะมีคู่แข่งคนสำคัญอย่างแอมะซอน (NASDAQ:AMZN) เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกอยู่ก็ตาม
โดยสรุปแล้ว
การเลือกซื้อหุ้นสำหรับแผนการเกษียณที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่โลกกำลังต้องผ่านวิกฤตครั้งสำคัญนั้นนักลงทุนจำเป็นต้องพิจารณาหัวใจในเกมรับมากกว่าเกมรุกซึ่งหลักๆ แล้วมีอยู่ 2 ข้อที่ทั้ง 3 บริษัทมีเหมือนกัน หนึ่งคือสภาพคล่องและสองคือความสามารถในการปันผลกำไรคือสู่ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าคุณจะเลือกหุ้นที่มีประวัตศาสตร์มาอย่างยาวนานอย่างพีจีหรือโคาโคลาหรือหุ้นของบริษัทยุคใหม่อย่างวอลมาร์ท ทั้งสามหุ้นล้วนเป็นตัวเลือกที่ดี
บทความห้ามพลาด
ลงทุนหุ้นง่ายๆ ก็กำไรได้เหมือนกัน
GE จะสามารถเอาตัวรอดในช่วงเศรษฐกิจขาลงแบบนี้ได้หรือไม่
COVID จะเปลี่ยนรูปแบบกราฟราคาน้ำมันไปหรือไม่? สังเกตจาก 5 ข้อในช่วงฤดูร้อนนี้