นักลงทุนในตลาดตอนนี้รู้ดีว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวกลับมาแล้วแต่ใครจะคิดว่าหุ้นของบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินระดับโลกที่ก่อนหน้านี้มีปัญหาคุณภาพการผลิตเครื่องบินที่ต่ำกว่ามาตรฐานและต้องมาเจอกับวิกฤติโควิด-19 อย่างโบอิ้ง (NYSE:BA) จะสามารถทะยานกลับขึ้นมาได้มากถึง 80% จากจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2013 ที่ $95.01 ในเดือนมีนาคม
ล่าสุดหุ้นโบอิ้งปรับตัวขึ้นมา 12% มีราคาปิดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $216.74 ในช่วงที่หุ้นโบอิ้งขึ้นมาได้ 50% ยังสามารถทำสถิติขาขึ้น 6 วันติดต่อกันได้อีกด้วย ขาขึ้นครั้งนี้ของหุ้นโบอิ้งเกิดขึ้นท่ามกลางช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมการบินยังต้องเผชิญความท้าทายในแง่ของการเปลี่ยนแปลงเพราะโควิด-19 นอกจากโบอิ้งจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าใช้บริการเดินทางด้วยเครื่องบินพาณิชย์ ก่อนหน้านี้โบอิ้งก็มีข่าวหนักกับเครื่องบินรุ่น 737 MAX ตก 2 ครั้งเมื่อปี 2019 ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทกำลังพยามอย่างหนักกับการจัดการหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นและการขออนุญาตให้สามารถนำเครื่องกลับไปขึ้นบินได้อีกครั้ง
แต่จากราคาหุ้นของโบอิ้งตอนนี้แสดงให้เห็นเลยว่านักลงทุนเลือกที่จะมองข้ามข่าวเครื่องบิน 737 MAX ออกไปก่อนและกำลังให้ความสำคัญกับข่าวการกลับมาเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจในแต่ละเมืองแต่ละรัฐ การค้าขายในตอนนี้สามารถกลับมาได้อย่างมีนัยสำคัญจนดัชนี S&P 500 สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้เมื่อวันจันทร์ ชดเชยขาลงที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงโควิด-19 ได้สำเร็จ เมื่อดัชนีหลักสามารถกลับขึ้นมาได้จากจุดต่ำสุดจึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้เห็นหุ้นในตลาด S&P 500 สามารถวิ่งขึ้นมาได้ด้วยเช่นกัน
สัญญาณขาขึ้นจากธุรกิจสายการบิน
ในกลุ่มธุรกิจการบินทั้งหมดหุ้นโบอิ้งสามารถแสดงการกลับมาของความต้องการเดินทางทางอากาศได้ชัดเจนที่สุดและสามารถกลับมาได้เร็วกว่าที่คาดมาก สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ (NASDAQ:AAL) ประกาศไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าบริษัทจะเพิ่มเที่ยวบินให้ได้มากถึง 74% ในเดือนกรกฏาคมเมื่อเทียบกับเที่ยวบินในเดือนมิถุนายน อเมริกัน แอร์ไลน์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะสามารถเพิ่มเที่ยวบินได้มากถึง 4,000 เที่ยวบินเมื่อเทียบกับ 2,300 เที่ยวบินในปัจจุบัน ความจุของที่นั่งผู้โดยสารในแต่ละเที่ยวบินจะต้องเพิ่มขึ้นถึง 40% ให้ได้เมื่อเทียบกับ 30% ในปัจจุบัน
นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทบางคนมองว่าขาขึ้นในหุ้นโบอิ้งส่วนหนึ่งเป็นผลพลอยได้จากการกลับมาของธุรกิจสายการบินตอนนี้ด้วย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโกลด์แมน แซคส์พึ่งปรับเป้าหมายของหุ้นโบอิ้งขึ้นจาก $209 เป็น $238 โดยให้เหตุผลว่าสายการบินที่ทำธุรกิจกับโบอิ้งไม่ได้ยกเลิกแผนการส่งมอบเครื่องบินกับโบอิ้งมากขนาดที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ล่าสุดเมื่อวันจันทร์โบรกเกอร์ Seaport Global Securities ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัทโบอิ้งโดยได้แนะนำให้หุ้นโบอิ้งเป็นหุ้นที่นักลงทุนควรซื้อโดยตั้งราคาของเป้าหมายหุ้นโบอิ้งเอาไว้ที่ $277 รายงานจาก Wall Street Journal ที่ได้มากจาก Seaport ระบุว่า “ถ้าสหรัฐฯ ไม่ต้องเจอกับการแพร่ระบาดของโควิดเป็นรอบที่ 2 ตอนนี้ใครๆ ก็มองว่าช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดกับโควิดได้ผ่านไปแล้ว”
ความไม่แน่นอนท่ามกลางช่วงเวลาที่ดี
หุ้นโบอิ้งที่แม้กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ดีแต่ก็ไม่มีใครเคยลืมข่าวการตกของเครื่องบินรุ่น 737 MAX 2 ครั้งในปีเดียวได้ลง ข่าวนี้เป็นเรื่องที่หยิบออกมาพูดถึงทีไรก็สร้างความเจ็บช้ำให้โบอิ้งได้เสมอ
จากข่าวร้ายในปี 2019 ทำให้โบอิ้งจำเป็นต้องระงับการสร้างเครื่องบินรุ่นนี้เอาไว้ก่อนในเดือนมกราคมปี 2020 นอกจากนี้หน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้องยังออกคำสั่งไปยังผู้ให้บริการสายการบินว่าห้ามนำเครื่องบินรุ่น 737 MAX ขึ้นบินเป็นอันขาดซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทโบอิ้งเป็นอย่างมาก
ในแง่การแก้ปัญหาโบอิ้งบอกกับนักลงทุนในช่วงปลายเดือนเมษายนว่าบริษัทจะมีการปลดพนักงานมากกว่า 1000 ตำแหน่งและจะทำการกู้เงินเพิ่มเพื่อเสริมสภาพคล่องของบริษัท นอกจากนี้บริษัทได้มีการหยุดการจ่ายเงินปันผลและยกเลิกโครงการเจรจากับบริษัทผู้สร้างเครื่องบินประเทศบราซิลอย่าง Embraer SA (NYSE:ERJ) ที่มีมูลค่าสูงถึง $4,200 ล้านเหรียญเป็นที่เรียบร้อย
อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ไม่มีใครสามารถตอบได้คือผู้โดยสารจะกลับมาเชื่อมั่นในความปลอดภัยด้วยการเดินทางบนเครื่องบินเร็วเหมือนความสามารถในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหรือไม่ การคาดการณ์ทิศทางการกลับมาของสายการบินในความเห็นของเราแล้วยังเร็วเกินไปและมีโอกาสที่ไวรัสจะสามารถกลับมาระบาดได้เป็นรอบที่ 2 อีก
อ้างอิงข้อมูลจาก FactSet และการวิเคราะห์ของผู้เชียวชาญมองว่าแม้จะรวมกำไรของบริษัทโบอิงและแอร์บัส (PA:AIR) เข้าด้วยกันยังไม่สามารถมีมูลค่ามากกว่ายอดสุทธิของกำไรในปี 2018 ได้และตัวเลขจะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงปี 2023 ยอดขายในปี 2018 ยังถือว่าต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ในปี 2020 เมื่อ 2-3 เดือนก่อน 7%
โดยสรุปแล้ว
การทะยานกลับมาของหุ้นโบอิ้งแสดงให้เห็นว่านักลงทุนตั้งความหวังกับการกลับมาของเศรษฐกิจและธุรกิจสายการบินในช่วงนี้เป็นอย่างมาก แต่สถานการณ์เชิงบวกในช่วงเวลานี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ยอดขายของโบอิ้งดีขึ้นได้ นอกจากนี้สายการบินทั่วโลกตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูซึ่งไม่ใช่ช่วงลงทุนเพื่อเพิ่มช่องทางการทำกำไร ที่สำคัญที่สุดคือการที่ยังไม่มียารักษาโควิด-19 อย่างจริงจังจะยิ่งทำให้ผู้คนที่ต้องการเดินทางด้วยเครื่องบินจะพิจารณาการเดินทางด้วยรูปแบบอื่นมากขึ้นอยู่ดี