บมจ. โออิชิกรุ๊ป (BK:OISHI))
FY2 Q20 รายงานกำไรสุทธิ 372 ลบ. (- 7%YoY,+4%QoQ)
OISHI มีกำไรสุทธิในงวด FY 2 Q20 (ม.ค.-มี.ค.) จำนวน 372 ลบ. ( - 7%YoY,+4%QoQ) แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากการรับรู้รายการพิเศษอย่างเงินค่าประกันเหตุ ไฟไหม้เข้ามากว่า 293 ลบ. หากไม่รวมรายการดังกล่าวกำไรปกติจะเหลือเพียง 137 ลบ. แบ่งเป็นกำไรของธุรกิจเครื่องดื่ม 219 ลบ. ( -20%YoY ) ได้รับผลกระทบจากการ ส่งออกไปต่างประเทศที่มีปัญหาจากการปิดประเทศช่วงปลายเดือนมี.ค. แม้จะมี รายได้จากการรับจ้างผลิตเข้ามา 50 ลบ. ก็ตาม (ปีก่อนไม่มี)
ส่วนธุรกิจอาหารได้รับ ผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและการปิดศูนย์การค้าที่เริ่มตั้งแต่ 22 มี.ค. (ยอดขายต่อสาขาเดิมลดลง 33%YoY) โดยรายได้อยู่ที่ 2,907 ลบ. (-17%YoY,- 14%QoQ) แบ่งเป็นธุรกิจเครื่องดื่ม - 7%YoY และ -0.6%QoQ ธุรกิจอาหารลดลง 25%YoY, 2 5%QoQ โดยมีการเปิดสาขาใหม่ 3 สาขา แต่มีการปิดไป 10 สาขา (สาขารวม ณ สิ้นเดือนมี.ค.อยู่ที่ 270 สาขา) กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 33 % ลดลงจาก 36% ใน FY 2Q1 9 และ 3 5% ใน FY1Q20 เนื่องจากธุรกิจอาหารมีรายได้ลดลงและรายได้ จากการรับจ้างผลิตที่มีกำไรขั้นต้นเพียง 20 -23 % เข้ามามากขึ้น ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 827 ลบ. ( -1%YoY, -1%QoQ) ยังลดลงไม่มากนักเพราะ โดนปิดร้านในช่วงปลายไตรมาสทำให้ยังไม่สำมารถทำแผนลดต้นทุนได้ทัน รวมแล้วในช่วง FY1H20 รายได้อยู่ที่ 6,268 ลบ. ( - 8%YoY) และมีกำไรสุทธิ 729 ลบ. (+ 0.4%YoY) หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรปกติจะอยู่ที่ 495 ลบ. ( - 2 9%YoY)
FY3Q20 เครื่องดื่มยังพอไปได้ แต่ร้านอาหารยังหนัก
สำหรับแนวโน้มในช่วง FY3Q20 ธุรกิจเครื่องดื่มเป็นช่วง High Season ของการขาย เนื่องจากเป็นฤดูร้อน ทำให้ยังมียอดขายที่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าได้แม้ว่าจะมีมาตรการปิดเมืองก็ตาม
ขณะที่การส่งออกไปยังต่างประเทศหลังจากประเทศกัมพูชา กลับมาเปิดประเทศแล้วทำให้การส่งสินค้าเริ่มกลับสู่ภำวะปกติ ทำให้คาดว่ารายได้ จากการส่งออกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าได้เช่นกัน
สำหรับธุรกิจอาหารในเดือน เม.ย. ได้รับผลกระทบอย่างมากหลังจากไม่สามารถ ให้บริการนั่งทานในร้านได้ แม้ว่าทางบริษัทจะหันมาเน้นการขายในรูปแบบนำกลับ หรือจัดส่งตามบ้านแทนก็ตาม โดยหลังจากรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายให้กลับมาทานที่ร้านได้แต่ด้วยมาตรการ Social Distancing ทำให้จำนวนลูกค้ายังคงปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนแต่ถือว่าดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. ซึ่งหลังจากนี้คาดว่า จำนวนลูกค้าจะค่อยๆทยอยกลับมาหลังรัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆมากขึ้น และด้วยผลกระทบดังกล่าวทำให้การเปิดสาขาใหม่ในช่วงที่เหลือของปีจะมีเพียง 4-5 สาขาเท่ำนั้น โดยจะมีการปรับรูปแบบร้านให้รองรับกับสินค้าประเภทสั่งกลับบ้าน (Take Home) หรือเป็นศูนย์กระจายสินค้าสำหรับสินค้าประเภทจัดส่ง (Delivery) มากขึ้น ทั้งนี้แผนการปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆอย่างเช่นการขอส่วนลดกับผู้ให้เช่าสถานที่คาดว่าจะเห็นชัดเจนมากขึ้นเช่นกันในช่วง FY3Q20 นี้ แต่อาจจะลดลงไม่มากนักเพราะมีค่าใช้จ่ายในกำรป้องกัน COVID เพิ่มเข้ามา
ปรับกำไรปี 20 ลง 46 % พร้อมปรับคำแนะนำเหลือ “ถือ ” ไปก่อน
จากแนวโน้มในช่วง FY3Q20 ที่ดูไม่สดใส ทำให้เราปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 20 ลงจากเดิม 46% มาอยู่ที่ 778 ลบ. โดยกำไรสุทธิในช่วง FY1H20 คิดเป็นสัดส่วน 64% ของกำไรสุทธิทั้งปี (รายได้คาดไว้ที่ 11,387 ลบ. -17%YoY) สำหรับคำแนะนำการลงทุน แม้ว่าในส่วนของธุรกิจเครื่องดื่มจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก แต่ด้วยธุรกิจอาหารที่ได้รับผลกระทบอย่ำงมากทำให้เราปรับคำแนะนำลง เหลือเพียง “ถือ ” ไปก่อนจนกว่ำจะเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจอาหาร โดยประเมินมูลค่าเหมาะสม ได้ใหม่ 41.50 บาท (20XPER’20 E )
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th