ภาพรวมการลงทุนวันนี้ – ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ เราคาดว่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบ Side-way ถึง Side-way up เพื่อรอปัจจัยบวกใหม่สนับสนุนการลงทุน อย่างไรก็ตามการรายงานสถิติทางด้านเศรษฐกิจในเดือน พ.ค. รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ยังแข็งแกร่ง จะยังเป็นปัจจัยหนุนการลงทุน
ด้านปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศ ยังคงต้องติดตามความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ทั้งจากปัญหาการค้า และการเมืองระหว่างประเทศ
Sell in May ไม่มี ในปีที่ COVID-19 ระบาด – โดย SET Index ในเดือน พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น3.2% เป็นปีที่ 3 ในรอบ 10 ปี ตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค. ให้ผลตอบแทนเป็นลบในอัตราเฉลี่ย 2.7% ต่อเดือน มีเพียง พ.ค. 2557 และ พ.ค. 2559 เท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก โดย พ.ค. 2563 มี Sentiment ที่เป็นบวกจาก
(1)ราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มกว่า 45%
(2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ
(3)มาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ของไทยจากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ดีขึ้น
(4)ค่าเงินบาทแข็งค่า ล่าสุดค่าเงินบาท ณ สิ้น พ.ค. อยู่ที่ 31.8 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯแข็งค่าขึ้น 3.9% และ
(5) แรงซื้อจากกองทุน SSFx
ตลาดยังคงสะท้อนความกังวลต่อภาพรวมการลงทุน – VIX Index ยังแกว่งตัวอยู่ในระดับต่ำแต่ปัจจัยเสี่ยงยังมี จากความไม่แน่นอนต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
ทั้งจากปัญหาการค้า และการเมืองระหว่างประเทศสะท้อนจากสัญญาทองคำที่ยังคงปรับเพิ่ม 3.8% ในรอบเดือนที่ผ่านมาและอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ
2 ปี และ 10 ปี ที่ยังคงปรับลดลง ล่าสุดอยู่ที่ 0.16% และ 0.65% ตามลำดับ
สัปดาห์นี้ติดตาม PMI เดือน พ.ค. ของหลายประเทศ รวมทั้งการประชุม ECB -สัปดาห์นี้ต้องติดตามรายงานสถิติ PMI ภาคการผลิตและบริการ ในเดือน พ.ค.รายงานหลายประเทศได้แก่ จีน อังกฤษ สหรัฐฯ และเยอรมัน ซึ่ง Consensus ประเมินฟื้นตัวจากเดือน เม.ย. รวมไปถึงการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 4 มิ.ย. (ประเด็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ) และสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม OPEC ระหว่างวันที่ 9 – 10 มิ.ย. (ประเด็นการปรับลดการผลิต)
ราคาน้ำมันมีปัจจัยบวกหนุนจาก มติลดกำลังผลิตอาจขยายเวลา รวมทั้งการประชุม OPEC+ ที่อาจเลื่อนมาเร็วขึ้น –เรามองว่าประเด็นดังกล่าวจะเป็นปัจจัยบวกหนุนราคาน้ำมันดิบให้ยืนในระดับสูงโดยราคาน้ำมันดิบ Dubai ล่าสุดอยู่ที่ 34.7 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 45% จากสิ้นเดือน เม.ย. เป็นผลมาจากการเริ่มปรับลดการผลิตตามมติ OPEC+ ล่าสุด รวม 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เดือน พ.ค. – มิ.ย.) และลดลง 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน จาก ก.ค. ถึงสิ้นปี 2563 อย่างไรก็ตามล่าสุดมีความเป็นไปได้ที่จะมีการขยายเวลาการปรับลดการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ออกไปถึงสิ้น ก.ย. หรือ ธ.ค. (ขยายเวลา 3 หรือ 6 เดือน) รวมทั้งจะเลื่อนการประชุมเร็วขึ้นเป็นภายในสัปดาห์นี้ (เดิมกำหนด 9 – 10 มิ.ย.)
Company Update – TCAP / Key Takeaways: TKN
มุมมองทางเทคนิค – เราคาดว่า SET Index สัปดาห์นี้จะอยู่ในกรอบ 1,311 – 1,391 จุด
โดย SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,337 – 1,356 จุด (มีแนวรับอยู่ที่ 1,337
1,330 และ 1,317 จุด และมีแนวต้านอยู่ที่ 1,349 1,356 และ 1,369 จุด)
หุ้นแนะนำทางเทคนิควันนี้ได้แก่ SAWAD CPALL (BK:CPALL) DTAC BJC และ BDMS
(1) ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว – (BK:PTTEP) (BK:PTT) TOP BCP SPRC และ PTTGC
(2) ราคาเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐฯ - CK STEC SEAFCO PYLON และ TASCO
(3) หุ้นที่ได้ประโยชน์ตามฤดูกาล (เข้าฤดูฝน) - BCPG BGRIM CKP GPSC และ EASTW
(4) ได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐฯ – ADVANC BTS BEM CPF CPALL BJC CRC CPN PLANB
HMPRO OSP และ CBG
(5) หุ้นสะสมระยะยาว (DCA) – ADVANC (BK:AOT) BDMS BEM CPALL DIF และ HMPRO
(6) หุ้นเป้าหมาย SSFx – PTT PTTEP BJC CPALL AOT GULF EGCO INTUCH ADVANC BAM และ (BK:BDMS)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities
.....
ดูกราฟความเคลื่อนไหวและพูดคุยเกี่ยวกับดัชนี SET INDEX
https://th.investing.com/indices/thailand-set
ไม่อยากพลาดบทวิเคราะห์ดีๆ อย่าลืมกด "ติดตาม" นะครับ