แนวโน้มของกราฟหุ้นเทสล่า (NASDAQ:TSLA) ในตลาดตอนนี้ถือเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจอย่างที่สุดแล้ว นักวิเคราะห์ได้ยกระดับเป้าหมายการเติบโตของหุ้นเทสล่าในปีนี้เพิ่มขึ้นหลังจากพิจารณาตัวเลขผลประกอบการของบริษัทในสองไตรมาสล่าสุดซึ่งหุ้นของเทสล่าทำผลงานได้เป็นสองเท่าในปีนี้
หุ้นของบริษัทเทสล่าในตอนนี้ไม่สามารถใช้คำว่า “ปรับตัวสูงขึ้น” มานิยามแต่ได้ต้องใช้คำว่า “ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วและรุ่นแรง” ตั้งแต่ต้นปี 2020 หุ้นเทสล่าทะยานขึ้นมาแล้วกว่า 118% ทำผลงานได้ดีที่สุดเหนือหุ้นในตลาดดัชนี S&P 500 ทุกตัว ในช่วงห้าวันที่ผ่านมาเทสล่าแสดงผลงานได้ดีที่สุดด้วยการสร้างจุดสูงสุดใหม่ติดต่อกันตลอด 5 วันถือเป็นประวัติศาสตร์การปรับตัวขึ้นของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2013 ยกตัวอย่างเพียงวันอังคารที่ผ่านมาวันเดียวหุ้นเทสล่าขึ้นมา 14% มีราคาปิดอยู่ที่ $887.06
การทะยานขึ้นของหุ้นเทสล่าในครั้งนี้ส่งผลให้บริษัทเทสล่าตอนนี้มีมูลค่ารวมทางการตลาดทั้งสิ้น $160,000 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่ามูลค่ารวมทางการตลาดของบริษัท General Motors (NYSE:GM), Fiat Chrysler (NYSE:FCAU) และ Volkswagen (OTC:VWAPY) รวมกัน
หากคุณไม่ได้ตามหุ้นเทสล่าหรือไม่ได้ลงทุนในหุ้นเทสล่าก็ตามคุณอาจสงสัยว่าตอนนี้คุณตกรถไปแล้วหรือเปล่า? แล้วถ้าจะซื้อหุ้นเทสล่าตอนนี้จะถือว่าสายเกินไปไหมหลังจากที่หุ้นวิ่งขึ้นมาสูงถึงขนาดนี้? คำตอบสำหรับคำถามนี้นั้นไม่ง่ายเลย แม้แต่นักลงทุนในวอลล์สตรีทในตอนนี้ยังแบ่งออกเป็นสองฝั่งเพื่อเถียงกันเรื่องภาพรวมของหุ้นบริษัทเทสล่า
กลุ่มหนึ่งบอกว่าที่หุ้นเทสล่าทะยานขึ้นได้ขนาดนี้เป็นเพราะรายงานผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมาพร้อมทั้งบริษัทยังมีแผนที่จะส่งออกรถพลังงานไฟฟ้าของตัวเองไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลกมากขึ้นในปี 2020 ในขณะที่อีกกลุ่มบอกว่าเป็นเพราะโรงงานผลิตรถไฟฟ้าในเซี่ยงไฮ้ที่สามารถผลิตรถยนต์ได้เกินเป้าและมียอดขายรวมในปีที่แล้วมากถึง 360,000 คันต่างหากที่ขับเคลื่อนหุ้นของเทสล่าสามารถพุ่งขึ้นราวกับจรวดได้ขนาดนี้
แรงโม้หรือจะสู้แรงม้า
นอกจากปัจจัยด้านตัวเลขผลประกอบการและจำนวนรวมของรถไฟฟ้าที่บริษัทสามารถผลิตได้แล้ว คำสัญญาของ CEO นายอีลอน มัสก์ที่ว่าจะปันผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้นในทุกๆ ไตรมาสต่อจากนี้ไปก็เป็นปัจจัยสำคัญที่เรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้น
อ้างอิงจากการรายงานของบลูมเบิร์กรายงานว่า “ในตอนแรกใครๆ ต่างก็กล่าวหาว่าความคิดเรื่องรถไฟฟ้าของอิลอน มัสก์ถือเป็นเรื่องเพ้อฝัน ตอนนี้อีลอน มัสก์ได้พิสูจน์ต่อคำสบประมาทเหล่านั้นเรียบร้อยแล้วด้วยตัวเลขผลประกอบการ การเติบโตของบริษัท และกราฟของหุ้นบริษัทในปัจจุบัน อีลอน มัสก์นำมนุษยชาติมาถูกทางแล้วในเรื่องของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า”
นายปีเตอร์ รอวล์ลินสัน CEO แห่งบริษัทลูซิด มอเตอร์กล่าวว่า “เทสล่าได้พิสูจน์ตัวเองและก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในฐานะผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะไปได้ไกลกว่าข่าวที่อยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์เสียอีก ผมว่าประตูแห่งโอกาสกำลังถูกเปิดกว้างนะ”
บิล เซเลสกี้ นักวิเคราะห์แห่งบริษัทอากัสเผยว่า “ตอนนี้นักวิเคราะห์ได้เพิ่มตัวเลขเป้าหมายของหุ้นเทสล่าจาก $556 ขึ้นเป็น $808 เรียบร้อยแล้ว และยกเทสล่าขึ้นเป็นตัวเต็งของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในยุคปัจจุบัน”
อย่ามองโลกในแง่ดีเพียงด้านเดียว
ในขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมกับผลงานหุ้นเทสล่าและอยากจะมีส่วนร่วมกับรถไฟขาขึ้นขบวนนี้เหลือเกิน นักวิเคราะห์บางกลุ่มก็ได้ออกมาเตือนว่าภาพของกราฟหุ้นเทสล่าอาจจะไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
ศูนย์วิจัยไซตรอน (Citron Research) ซึ่งก่อตั้งโดยนักเคลื่อนไหวทางสังคมชื่อดังนายแอนดรูว์ เลฟท์ทวีตแซวอีลอน มัสก์ CEO ของบริษัทเทสล่าว่า “ถ้าอีลอนเป็นผู้จัดการกองทุนละก็เขาต้องซื้อหุ้นเทสล่าอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน” พร้อมกับเรียกหุ้นเทสล่าในตอนนี้ว่า “คาสิโนแห่งใหม่ของตลาดวอลล์สตรีท”
นายกอร์ดอน จอห์นสัน จากสถาบันวิจัย GLJ เปรียบเทียบการขึ้นของหุ้นเทสล่าในตอนนี้เหมือนกับสถานการณ์ของสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ที่เคยทะยานขึ้นสู่ระดับราคา $19,511 ได้ในวันที่ 17 เดือนธันวาคมปี 2017 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาตลอดปี 2018 สร้างจุดต่ำสุดไว้ที่ $3500 นอกจากนี้เขายังเตือนว่าอินดิเคเตอร์ RSI ของหุ้นเทสล่าขึ้นอยู่โซน overbought แล้วประกอบกับสถานการณ์ฟองสบู่แบบนี้ยิ่งอันตราย
อุปสงค์ความต้องการรถพลังงานไฟฟ้าในประเทศจีนยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนมากนัก ในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมาลำพังยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนถือว่าไม่น่าประทับใจแม้ว่านโยบายของรัฐบาลจีนจะเริ่มผลักดันให้ประชาชนหันไปใช้พลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น
ปัจจัยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าของเทสล่าในจีนชะลอตัวลงประกอบกับนโยบายส่งเสริมการขายรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีในสหรัฐฯ ยังไม่สามารถกระตุ้นให้คนหันมาซื้อรถของเทสล่าได้เท่าที่ควรอาจเป็นสาเหตุทำให้หุ้นของบริษัทเทสล่าชะลอตัวลงในปี 2020
โดยสรุปแล้ว…
นี่คือครั้งแรกของประวัติศาสตร์บริษัทเทสล่าที่สามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำขนาดนี้และเพราะการเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นนี้ละคือสาเหตุที่เราไม่แนะนำให้ซื้อหุ้นเทสล่าในขณะที่มีความเสี่ยงสูงมากว่าจะอยู่ในภาวะฟองสบู่
อย่างไรก็ตามการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองในจีนถือว่าเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตในระยะยาว แม้จะมีคำครหาอยู่บ้างแต่ทิศทางของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะค่อยๆ ชัดขึ้นมากเรื่อยๆ และในตอนนั้นเทสล่าอาจจะกลายเป็นชื่อที่ใครๆ ก็คุ้นหูอย่างบริษัทแอปเปิ้ลในปัจจุบันก็เป็นได้