- รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ปี 2019 จะมีขึ้นในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคมหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- กำไรที่คาดว่าบริษัทจะได้รับ: $20,800 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ผลกำไรต่อหุ้นที่คาดว่าจะได้รับ: $2.52
การรายงานผลประกอบการของบริษัทเฟสบุ๊ก (NASDAQ:FB) ในไตรมาสที่ 4 วันพรุ่งนี้เชื่อว่าข่าวที่พาดหัวจะไม่แตกต่างจากบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ เท่าใดนักนั่นคือ: บริษัทยังมีการเติบโตทางด้านผลกำไรที่ดีแม้ว่าต้องเผชิญกับปัญหาทางด้านกฏหมายอยู่บ้าง
จากตัวเลขผลประกอบการที่ผ่านมาของเฟสบุ๊กซึ่งสวนทางกับกระแสข่าวด้านลบทางกฏหมายยังแสดงให้เห็นว่าตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมาหุ้นของบริษัทยังคงปรับตัวสูงขึ้น หุ้นเฟสบุ๊กสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดได้ที่ $222.75 ในวันที่ 22 มกราคมก่อนที่ข่าวไวรัสโคโรนาจะเริ่มเข้ามาสร้างผลกระทบกับตลาดหุ้น หลังจากที่ข่าวไวรัสโคโรนาเข้าปกคลุมตลาดหุ้นแล้วหุ้นของเฟสบุ๊กก็มีราคาปิดลดลงมาเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันโดยล่าสุดมีราคาปิดอยู่ที่ $214.87
แม้ว่าอัตราการเติบโตของแอปพลิเคชันหลักเฟสบุ๊คจะชะลอตัวลงแต่บริษัทยังคงสามารถทำกำไรได้จากผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นในแอปฯ อื่นๆ ถ้ารวมผู้ใช้งาน (ที่ใช้งานอย่างน้อย 1 แอปพลิเคชัน) จากทุกแอปฯ เช่น Facebook, Instagram, WhatsApp หรือ FB Messenger ปัจจุบันจะมีจำนวนรวมผู้ใช้งานทั้งสิ้นอยู่ที่ 2,800 ล้านคน
จากอัตราการเติบโตของผู้ใข้งานเหล่านี้ทำให้นักวิเคราะห์ได้ยกตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรที่บริษัทจะได้รับในไตรมาสนี้สูงขึ้นกว่าไตรมาสก่อนหน้า คาดว่าเฟสบุ๊กจะมีตัวเลขยอดทำกำไรในวันพรุ่งนี้อยู่ที่ $20,880 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเติบโตขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 กำไรปันผลต่อหุ้นที่คาดว่าจะได้จะเติบโตขึ้น 6% เป็น $2.52 เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน
แพลตฟอร์มเฟสบุ๊กยังคงเติบโต
หุ้นของเฟสบุ๊กเติบโตขึ้นมากกว่า 70% หากนับตั้งแต่จุดต่ำสุดของราคาในช่วงปลายปี 2018 ซึ่งตัวเลขการเติบโตนี้แสดงให้เห็นว่า CEO นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กและทีมงานสามารถตั้งรับกับปัญหาทางด้านกฏหมายและกระแสเชิงลบจากสังคมได้เป็นอย่างดี
ในไตรมาสที่ 3 จำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกรายเดือนของบริษัทเฟสบุ๊กมีเพิ่มขึ้น 35 ล้านคนและมีเพิ่มอีก 3 ล้านคนซึ่งเป็นผู้ใช้งานใหม่ในพื้นที่อเมริกาเหนือแม้ตัวเลขการเติบโตของเฟสบุ๊กในพื้นที่อเมริกาเหนือได้ชะลอตัวมาประมาณปีสองปีก่อนหน้านี้แล้ว ตัวเลขการเติบโตของเฟสบุ๊กเหล่านี้ได้มาจากฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มีเพิ่มเข้ามาในแอปฯ เฟสบุ๊กและอินสตราแกรมยกตัวอย่างเช่นสตอรี่ (Stories) ซึ่งได้รับความนิยมและทำกำไรให้กับบริษัทอย่างมหาศาล บริษัทวิจัย “EMarketer” คาดการณ์ว่าเฉพาะโฆษณาในอินสตราแกรมจะสามารถทำกำไรให้กับบริษัทเฟสบุ๊กในปีนี้ได้มากกว่า $15,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น $9,100 ล้านเหรียญสหรัฐจากปี 2018
เมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์จะพบว่าการเติบโตนี้เพิ่มขึ้น 40% จากกำไรในไตรมาสที่ 3 ที่ปรับตัวขึ้นมา 27% จากไตรมาสที่ 2 และในไตรมาสที่ 2 ปรับตัวขึ้นมา 22% จากไตรมาสแรก ความสำเร็จของบริษัทเฟสบุ๊กนี้ทำให้ CEO ของหลายๆ บริษัทต้องอิฉาไปตามๆ กัน
อย่างไรก็ตามเฟสบุ๊กยังคงต้องเผชิญกับปัญหาทางด้านกฏหมายซึ่งที่ผ่านมาเฟสบุ๊กมักจะถูกกล่าวหาจากข้อหาเช่น ข้อมูลผู้ใช้งานรั่วไหล ไม่รักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ฯลฯ แม้จะน่าวิตกอยู่บ้างแต่จากตัวเลขการเติบโตก็แสดงให้เห็นว่าการผชิญหน้ากับปัญหาด้านกฏหมายเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงคุณภาพการบริการของเฟสบุ๊กให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
เฟสบุ๊กในปี 2020 นี้ต้องเผชิญกับการตรวจสอบจากกระทรวงยุติธรรม คณะกรรมธิการการค้าและศาลจากอีก 40 รัฐในสหรัฐอเมริกาที่ต้องการตรวจสอบคำร้องเรียนจากเหล่าผู้ที่ไม่ไว้ใจในบริการของเฟสบุ๊ก ยิ่งไปกว่านั้นปีนี้เฟสบุ๊กยังต้องผ่านมรสุมแห่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะทำให้หุ้นของบริษัทเกิดการผันผวนขึ้นได้
โดยสรุปแล้ว...
เป็นความจริงที่ว่าเราไม่สามารถรับประกันได้ว่าความท้าทายที่บริษัทเฟสบุ๊กต้องเจอนี้จะหมดลงไปเมื่อใด แม้แต่ CEO ของบริษัทเองยังเคยบอกกับนักวิเคราะห์จากสื่อสำนักหนึ่งว่า “ปีนี้จะเป็นปีที่หนักสำหรับเฟสบุ๊ก” เพราะต้องผ่านช่วงเวลาแห่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย
แม้ว่าเฟสบุ๊กจะต้องเผชิญเรื่องราวเหล่านี้แต่ความเป็นจริงในตอนนี้คือไม่มีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไหนในตอนนี้ที่ทรวงพลังและมีผู้ใช้งานมากเท่ากับเฟสบุ๊กซึ่งเราจะยังไม่ได้เห็นความยิ่งใหญ่นี้ล้มไปต่อหน้าต่อตาในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน นั่นคือเหตุผลหลักว่าทำไมเราจึงจะยังได้เห็นอัตราการเติบโตของหุ้นเฟสบุ๊กอยู่แม้ว่าจะมีการขึ้นๆ ลงๆ อยู่บ้างก็ตาม