สัปดาห์แห่งการรายงานตัวเลขผลประกอบการสำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้เริ่มต้นขึ้นแล้วซึ่งบริษัทดังๆ ที่ได้มีการรายงานตัวเลขไปแล้วได้แก่เน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX)) และอินเทล (NASDAQ:INTC) บริษัทชื่อดังอื่นๆ อย่างเช่นแอปเปิ้ล (NASDAQ:AAPL) ไมโครซอฟท์ (NASDAQ:MSFT) แอมมะซอน (NASDAQ:AMZN) และเฟสบุ๊ก (NASDAQ:FB) ก็จะมีรายงานตัวเลขผลประกอบการในเดือนนี้ด้วยเช่นกัน
ในขณะที่ตัวเลขผลประกอบการของบริษัทชื่อดังเหล่านี้กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุน สำหรับนักลงทุนที่ชอบในการลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เรามีหุ้น 3 ตัวมานำเสนอซึ่งทั้งสามตัวนี้มีอัตราผลตอบแทนที่เร็วและมีการเติบโตในแง่ของผลกำไรบริษัท
1.Snap
การปันผลต่อหุ้น (EPS) ที่คาดว่าจะได้รับ: +17% แบบปีต่อปี (YoY)
คาดการณ์การเติบโตของผลกำไร: +44% แบบปีต่อปี (YoY)
Snap (NYSE:SNAP) หรือที่รู้จักกันในฐานะบริษัทเจ้าของแอปพลิเคชั่นสื่อสารอย่าง “Snapchat” ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ทำกำไรได้ดีเยี่ยมในปี 2019 ด้วยผลงานการปรับตัวสูงขึ้น 196% ตั้งแต่เริ่มปี 2020 นี้หุ้น Snap ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วจนถึงปัจจุบัน 16% เทียบกับดัชนี S&P 500 ที่ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาเพียง 3% เท่านั้น เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาหุ้น Snap มีราคาปิดที่ $19.00 และมีมูลค่าทางการตลาดทั้งหมดอยู่ที่ 26,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
ครั้งหนึ่งเคยมีคนคิดว่าบริษัทนี้คงต้องจบลงแล้วก่อนที่จะสามารถมีกำไรต่อหุ้นและผลกำไรของบริษัทออกมาสูงกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ได้ในทุกๆ ไตรมาส เราเชื่อว่าแนวโน้มขาขึ้นนี้จะยังคงดำเนินต่อไปและบริษัท Snap มีแผนที่จะรายงานผลประกอบการในวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
คนส่วนใหญ่มองว่าผลกำไรต่อหุ้นของ Snap จะลดลงเหลือ $0.12 ในไตรมาสที่ 4 จากที่เคยทำได้ $0.14 ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ผมกำไรที่บริษัทจะได้รับคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น 44% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วและจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น $561.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากตัวเลขผลกำไรและตัวเลขปันผลที่ได้กล่าวไป รายละเอียดของการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้งาน Snap ถือว่าน่าสนใจทีเดียว นักวิเคราะห์กำลังรอดูว่าตัวเลขจำนวนผู้ใช้งานของ Snap จะเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่หลังจากในไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้วบริษัทสามารถมีจำนวนผู้ใช้งานทั้งสิ้น 210 ล้านคนซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดของบริษัท Snap มีผู้ใช้งานในแต่ละเดือนมากสุดอยู่ที่ 500 ล้านคนในขณะที่ทวิตเตอร์ (NYSE:TWTR) มีผู้ใช้งานอยู่ประมาณ 335 ล้านคน
ข้อมูลตัวเลขอีกชุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือผลกำไรโดยเฉลี่ยรวมต่อผู้ใช้งานหนึ่งคน ในไตรมาสที่ 3 บริษัท Snap มีตัวเลขในรายการนี้กระโดดขึ้นเป็น 33% แสดงให้เห็นว่าบริษัทนี้ได้ปรับปรุงคุณภาพในการประเมินข้อมูลผู้ใช้งานขึ้นมาได้อย่างดีมากๆ
2.HUYA
การปันผลต่อหุ้น (EPS) ที่คาดว่าจะได้รับ: +47% แบบปีต่อปี (YoY)
คาดการณ์การเติบโตของผลกำไร: +59% แบบปีต่อปี (YoY)
HUYA (NYSE:HUYA) คือแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีมเกมขนาดใหญ่ของประเทศจีนจนมีฉายาว่า “Twitch ของประเทศจีน” หุ้นของ HUYA มีราคาปิดอยู่ที่ $20.48 เมื่อคืนวันอังคารและมีผลงานที่ดีนับตั้งแต่เริ่มต้นปีใหม่เป็นต้นมาด้วยการปรับตัวขึ้นมาตลอดจนถึงปัจจุบัน 14% มีมูลค่าทางการตลาดทั้งหมดอยู่ที่ $8,950 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัท HUYA มีแผนที่จะรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ปี 2019 ให้ทราบภายในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ คาดว่า HUYA จะมีกำไรปันผลต่อหุ้นอยู่ที่ $0.66 ซึ่งเมื่อวัดผลกำไรตอบแทนแบบปีต่อปีแล้วพบว่าตัวเลขกำไรปันผลต่อหุ้นสูงขึ้น 47% และคาดว่ากำไรที่ HUYA สามารถทำได้จะมีตัวเลขเพิ่มขึ้น 59% จากตัวเลขผลกำไรในปีที่แล้ว $2,390 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้นักลงทุนต้องการดูข้อมูลอัปเดตของจำนวนผู้ใช้งานเฉลี่ยรายเดือนของ HUYA เพื่อดูความเป็นไปได้ในการเติบโตของบริษัทด้วย ตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดแสดงให้เห็นว่ามีจำนวนผู้ใช้งาน HUYA โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 146.1 ล้านคน คิดเป็นการปรับตัวสูงขึ้นของจำนวนผู้ใช้ 47.6% จาก 99 ล้านคนในไตรมาสที่ 3 ของปี 2018 จำนวนผู้ใช้งานที่ชำระค่าบริการให้กับ HUYA เพิ่มสูงขึ้น 28.5% ในไตรมาสที่สามจากตัวเลขผู้ใช้งาน 5.3 ล้านคน
เชื่อว่าบริษัท HUYA จะยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะบริษัทจะค่อยๆ ได้รับประโยชน์จากกลุ่มผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน การเล่มเกมและการแข่งขันกีฬาอี-สปอร์ตได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศจีน
3.Square
การปันผลต่อหุ้น (EPS) ที่คาดว่าจะได้รับ: +50% แบบปีต่อปี (YoY)
คาดการณ์การเติบโตของผลกำไร: +27% แบบปีต่อปี (YoY)
Square (NYSE:SQ) สร้างชื่อให้ตัวเองในฐานะบริการชำระเงินทางเลือกสำหรับการทำธุรกิจ บริษัทมีบริการทางด้านธุรกรรมมากมายซึ่งรวมไปถึงแพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ อัตราการเติบโตของบริษัท Square ทั้งปี 2019 มีตัวเลขอยู่ที่ 11.5% หุ้นของบริษัท Square ที่ถือโดย CEO ของทวิตเตอร์แจ๊ค ดอร์ซีย์ในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาแล้ว 9% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาหุ้นของ Square มีราคาปิดอยู่ที่ $68.31 และมีมูลค่าทางการตลาดทั้งหมดอยู่ที่ $29,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัท Square จะรายงานผลประกอบการให้ทราบในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ คาดว่ากำไรปันผลต่อหุ้นในไตรมาสที่ 4 จะอยู่ที่ $0.21 ซึ่งปรับตัวขึ้นมา 50% จากตัวเลข $0.14 ต่อหุ้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ผลกำไรที่บริษัทจะได้ทั้งหมดคาดว่าจะมีตัวเลขเพิ่มขึ้น 27% เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น $591.27 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุหลักที่ทำให้บริษัท Square ประสบความสำเร็จมาจากจำนวนผู้ชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันของบริษัท Square ที่เพิ่มสูงขึ้น ในไตรมาสที่สามมูลค่าของการทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มของ Square เพิ่มขึ้น 25% แบบปีต่อปีคิดเป็น $28,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตัวเลขจำนวนผู้สมัครใช้บริการของ Square ที่เติบโตขึ้นและผลกำไรที่ได้จากการบริการจะเป็นตัวที่นักลงทุนนำมาประเมินผลงานของบริษัท Square ยอดขายที่บริษัทสามารถทำได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้วมีจำนวนรวมอยู่ที่ $280 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นการเติบโตขึ้น 68% แบบปีต่อปีซึ่งตัวเลขอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ได้มาจากบริการของบริษัทอย่างเช่น Cash App, Square Capital และ Instant Deposit