- Fed Fund Target Range
Actual: 1.75-2.00% Previous: 2.00-2.25%
KTBGM: 1.75-2.00% Consensus: 1.75-2.00%
- คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้ “ลด” อัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00%
- FOMC มองเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง โดยชี้ว่าการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนก็เร่งตัวขึ้น ส่วนการปรับนโยบายการเงินในอนาคต จะอ้างอิงกับการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มเศรษฐกิจ และเป้าหมายเงินเฟ้อ 2.0%
- เราปรับเป้าหมาย FFTR สิ้นปีลงมาที่ 1.50-1.75% โดยที่การปรับลดดอกเบี้ยครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม
- Next FOMC Decision: Oct 31 2019 (1AM)
คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้ “ลด” อัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00%
- มติไม่เป็นเอกฉันท์มีทั้งด้านสนับสนุนการ “ลด” อัตราดอกเบี้ย และกลุ่มที่เห็นว่าควร “คง” ดอกเบี้ย โดยมี Esther George และ Eric Rosengren เป็นผู้สนับสนุนให้คงดอกเบี้ยไว้ก่อนซึ่งสวนทางกับ James Bullard ที่มองว่าเฟดควรลดดอกเบี้ย 50bps ทันที
- FOMC มองเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง โดยในครั้งนี้เฟดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯใหม่ คาดว่า GDP ปี 2019 จะขยายตัวได้ 2.2% การว่างงานจะอยู่ในระดับต่ำเพียง 3.7% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานในสหรัฐฯ จะอยู่ในระดับใกล้เคียงเป้าหมายที่ 1.8-2.0% ในช่วง 3ปีข้างหน้า
เราปรับเป้าหมาย FFTR สิ้นปีลงมาที่ 1.50-1.75% โดยที่การปรับลดดอกเบี้ยครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม
- เรามองว่า เฟดเป็น Market Dependent เต็มรูปแบบ เห็นได้ชัดจากการที่เฟดปรับคาดการณ์เศรษฐกิจขึ้นแต่ลดดอกเบี้ยลง ชี้ชัดว่าการตัดสินใจของเฟดมีเรื่องของความไม่แน่นอนในตลาดเข้ามาเป็นองค์ประกอบ ดังนั้นถ้าตลาดการเงินหรือนโยบายเศรษฐกิจมีความปั่นป่วน การลดดอกเบี้ยก็จะสามารถเกิดขึ้นได้ทันที
- คาดว่าเฟดจะต้อง“ลด”ดอกเบี้ยอีกครั้งปีนี้ และคาดว่าจะลดดอกเบี้ยไปที่ระดับ 1.25-1.50% ในปีหน้า โดยในปัจจุบันด้วยภาวะ inverted yield curve และดอกเบี้ยระยะยาวที่ต่ำกว่า FFTR เราจึงเชื่อว่าเฟดควรต้องลดดอกเบี้ยลงอีกเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา และคาดว่าระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ควรเกินระดับ 1.50% ในช่วงปี 2019-2020
- นโยบายการเงินสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายจะเป็นปัจจัยบวกกับตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก เรามองว่าการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นสัญญาณว่าเฟดจะเข้ามาช่วยพยุงตลาดแน่นอน ถ้าสงครามการค้าวุ่นวาย หรือเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวลง ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้ธนาคารกลางอื่นๆทั่วโลกสามารถใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายไปพร้อมกันได้ซึ่งเป็นผลดีกับตลาดตราสารหนี้ทั่วโลก