รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

4 หุ้นใหญ่ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในดัชนี Dow ประจำปี 2019

โดยInvesting.com
ผู้เขียนJesse Cohen
เผยแพร่ 07/07/2562 14:52
อัพเดท 02/09/2563 13:05

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ยังคงปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในปี 2019 ดัชนีหุ้นบลูชิพตัวนี้เคยได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงเดือนพฤษภาคม ในระหว่างที่ความขัดแย้งทางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงร้อนระอุจนทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มมีท่าที ประนีประนอมมากขึ้น ก็ทำให้ดัชนีดาวปรับตัวขึ้นทำลายสถิติสูงสุดได้นับตั้งแต่ปี 1938 เป็นต้นมา

DJIA Chart

เฉพาะในปีนี้ ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นได้ราว 15% โดยมีหุ้นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ในปี 2019 ดังนี้

1. Microsoft: ปรับตัวขึ้นได้ในปีนี้ +34.4%

หุ้นของ Microsoft (NASDAQ:MSFT) ปรับตัวขึ้นมาในปีนี้จนถึงปัจจุบันได้ถึง 34.4% ถือเป็นหุ้นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของดัชนีดาวประจำปี 2019 โดยมีราคาปิดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาอยู่ที่ $136.58 ห่างจากราคาสูงสุดตลอดกาลที่เคยทำได้ที่ $138.40 ในวันที่ 24 มิถุนายนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมีมูลค่าตลาดในปัจจุบันอยู่ที่ 1.05 ล้านล้านเหรียญ Microsoft จึงเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ณ ขณะนี้

MSFT Chart

บริษัทซอฟต์แวร์จากเมืองเรดมอนด์ ในรัฐวอชิงตันแห่งนี้เติบโตขึ้นอย่างมากจากการให้บริการผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในระบบคลาวด์ที่ก้าวกระโดดไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงบริการโครงสร้างพื้นฐานอย่าง Azure และซอฟต์แวร์สำหรับการทำงานอย่าง Office 365 รายได้จากบริการในระบบคลาวด์เชิงพาณิชย์เติบโตขึ้นถึง 41% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในไตรมาสล่าสุดไปอยู่ที่ระดับ 9,600 ล้านเหรียญ ในขณะที่รายได้จากบริการ Azure ก็เพิ่มขึ้นถึง 73%

ความตื่นเต้นที่จะได้เห็นคอนโซลเกมรุ่นต่อไปของ Xbox ที่มีชื่อเรียกว่า "โปรเจ็คสการ์เล็ตต์” นั้นก็ยิ่งเป็นการส่งเสริมการเติบโตของบริษัทให้มากขึ้นไปอีก ในขณะที่บริษัทสามารถสร้าง ผลกำไรมากขึ้น ได้ในปีนี้ หุ้นของ Microsoft เองก็น่าจะพุ่งขึ้นต่อไปได้อีกเช่นกัน หากพิจารณาจากความต้องการในการใช้บริการในระบบคลาวด์ที่ยังแข็งแกร่งเช่นนี้ น่าจะทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมนี้ต่อไป

2. Visa: ปรับตัวขึ้นได้ในปีนี้ +32.8%

Visa (NYSE:V) เป็นหุ้นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดเป็นอันดับสองของดัชนีดาว ซึ่งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 32.8% นับตั้งแต่ต้นปี 2019 เป็นต้นมา โดยไปปิดตลาดเมื่อคืนนี้อยู่ที่ $175.29 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับราคาสูงสุดตลอดกาลซึ่งเคยทำได้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ระดับ $175.54 ปัจจุบัน บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านบัตรเครดิตแห่งนี้มีมูลค่าตลาดในปัจจุบันมากเป็นอันดับที่เจ็ดของโลกอยู่ที่ 383,080 ล้านเหรียญ

V Chart

Visa ยังคงมี การเติบโตที่แข็งแกร่ง จากเครือข่ายทางการเงินของบริษัท โดยได้รับผลตอบแทนจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่มากขึ้นในทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก

ด้วยจำนวนผู้ใช้บัตรเครดิตทั่วโลกที่มีมากถึง 3,300 ล้านราย บริษัท Visa ต้องทำการประมวลผลธุรกรรมจำนวนนับร้อยล้านครั้งต่อวันโดยได้รับผลตอบแทนเป็นค่าธรรมเนียมจำนวนเล็กน้อยต่อรายการ เราคาดว่าบริษัท Visa จะยังคงมีแนวโน้มที่ดีจากการดำเนินงานในธุรกิจบัตรเครดิตในกว่า 200 ประเทศทั่วโลกอย่างทุกวันนี้

3. American Express: ปรับตัวขึ้นได้ในปีนี้ +31.2%

American Express (NYSE:AXP) เป็นหุ้นอันดับสามที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในดัชนีดาว โดยมีการปรับตัวขึ้นได้ในปีนี้ 31.2% หลังจากที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดได้ที่ระดับ $126.40 เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ราคาเมื่อวานนี้ปรับลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ $125.11 ทำให้บริษัทมีมูลค่าตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 104,480 ล้านเหรียญ

AXP Chart

ทำนองเดียวกันกับบริษัท Visa บริษัท American Express ยังคง เติบโตได้ดี ในธุรกิจของตน จากการที่ลูกค้าและองค์กรธุรกิจเริ่มมีการหันไปจับจ่ายใช้สอยผ่านระบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้น

สิ่งที่ American Express แตกต่างจาก Visa ก็คือ Amex เป็นทั้งผู้ออกบัตรและผู้ให้บริการบัตรเครดิต ดังนั้นบริษัทจึงได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมที่มากกว่า ดังนั้นเราจึงคาดว่า American Express จะยังครองอันดับผู้ทำผลงานได้ดีที่สุดในตลาดบัตรเครดิตได้ต่อไป

4. Disney: ปรับตัวขึ้นได้ในปีนี้ +30%

หุ้นของ Walt Disney (NYSE:DIS) ปรับตัวขึ้นได้ในปีนี้ 30% ถือเป็นหุ้นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดของดัชนีดาวในปีนี้ได้เป็นอันดับที่สี่ หุ้นของบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่รายนี้ปิดตลาดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาอยู่ที่ $142.55 ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดที่เคยทำได้ที่ $143.51 ในวันที่ 18 มิถุนายน โดยมีมูลค่าตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 256,550 ล้านเหรียญ Disney จึงเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 15 ของโลก

DIS Chart

หุ้นของ Disney ปรับตัวขึ้นอย่างมากเนื่องจากนักลงทุนตั้งความหวังไว้อย่างมากกับบริการสตรีมมิง Disney+ ของบริษัท แพลตฟอร์มใหม่นี้จะประกอบด้วยภาพยนตร์และรายการทีวีของ Disney ร่วมกับค่ายของ Pixar, Marvel และ Star Wars ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้โดยจะมีค่าบริการอยู่ที่เดือนละ $6.99

บริษัทสื่อรายนี้คาดว่าจะมีผู้ชมราว 60-90 ล้านคนจากทั่วโลกได้ภายในสิ้นปี 2024 และอาจทำให้ผู้นำในอุตสาหกรรมนี้อย่าง Netflix (NASDAQ:NFLX) ถึงกับหนาวได้เลยทีเดียว

อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้หุ้นของ Disney ปรับตัวสูงขึ้นได้คือความนิยมในการชมภาพยนตร์ของสหรัฐฯ โดยจะสังเกตได้จากการเข้าโรงฉายล่าสุดของภาพยนตร์ภาคต่อในเรื่อง Avengers: Endgame ซึ่งทำลายสถิติภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในปีนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

ส่วนภาพยนตร์ที่ทำสถิติรายได้สูงสุดเป็นอันดับที่สองและสามในปี 2019 ก็เป็นของค่าย Disney เช่นกัน นั่นก็คือ Captain Marvel และ Aladdin เวอร์ชันล่าสุด เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวแล้วจะเห็นว่า Disney จะยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำในด้านอุตสาหกรรมความบันเทิงได้ต่อไปอย่างแน่นอน

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย