Investing.com - หุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงเปิดตลาด แต่กลับชะลอตัวลงมาอย่างมากในเวลาต่อมาเนื่องจากความกังวลต่อการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่กำลังจะเกิดขึ้น
ความกังวลที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากนายไมเคิล พิลส์บูรี ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว South China Morning Post ว่าทรัมป์จะขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนอีก หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทำข้อตกลงได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
สหรัฐฯ และจีนมีกำหนดการเจรจาทางการค้ากันต่ออีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้
ดัชนี S&P 500 มีราคาปิดที่ค่อนข้างคงตัวจากที่ไต่ขึ้นไปสูงสุดถึง 0.5% ดัชนี อุตสาหกรรม Dow Jones ขยับลง 0.2% หลังจากขึ้นไปสูงสุดถึง 125 จุด ดัชนี Nasdaq Composite ปิดลบ 0.7% จากที่ได้ขึ้นไปสูงสุด 0.7%
Apple (NASDAQ:AAPL), Boeing (NYSE:BA) และ Walt Disney (NYSE:DIS) ล้วนเป็นหุ้นที่ทำผลงานได้ย่ำแย่และฉุดดัชนี Dow ให้ต่ำลง โดย Apple และ Costco Wholesale (NASDAQ:COST) เป็นส่วนหนึ่งของบรรดาหุ้นที่ทำงานผลได้แย่ที่สุดในดัชนี Nasdaq รวมทั้งดัชนี Nasdaq 100 ด้วย
ขาลงของ Boeing ได้รับผลกระทบบางส่วนจาก Ryanair Holdings (NASDAQ:RYAAY) หลังจากนายไมเคิล โอเลียรี ซีอีโอของสายการบินเผยว่า สายการบินจะไม่นำเครื่องบินรุ่น 737 Max กลับมาใช้อีกจนกว่าจะถึงช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคมปีหน้า
ทางด้าน Microsoft (NASDAQ:MSFT) ก็ได้ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ก่อนที่จะย่อตัวลงมา โดยบริษัทได้ประกาศเมื่อช่วงครึ่งหลังของวันพุธว่า บริษัทจะเพิ่มเงินปันผลเป็น 11% และมีแผนจะซื้อหุ้นของตนเองกลับคืนมาเป็นมูลค่าราว 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยมูลค่าตามราคาตลาดของ Microsoft ยังยืนอยู่ที่ 1.085 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่ามูลค่าตามราคาตลาดของ Apple ที่เท่ากับ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ