โดย วณิชชา สุมานัส
Investing.com - ตลาดหุ้นไทย (SET) ในวันนี้ มีโอกาสย่อตัวอีกรอบ คาดแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1,510-1,550 จุด หลังจาก FED เตรียมลดคิวอีในปีนี้ ขณะที่โควิด-19 ระบาดหนักในหลายประเทศทั่วโลก ชูหุ้นแกร่งฝ่าโควิด
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) ชี้ว่า ดัชนีหุ้นไทยกลับมายืนระดับ 1,550 จุด ทำระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนนี้ เรามองว่า ช่วงนี้ ปัจจัยบวกของตลาดหุ้นไทยไม่ชัดเจน ดังนั้น ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสย่อตัวลงมาต่ำกว่าแนว 1,550 จุดอีกรอบ แล้วแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1,510-1,550 จุดในระยะกลาง
สำหรับ 4 หุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่
1. WHA โดยภาพทางเทคนิค แนวต้าน 3.22 บาท แนวรับ 3.12 บาท และสต็อปลอสต์ หากต่ำกว่า 3.02 บาท ปัจจัยบวก ได้แก่ แนวโน้มการแพร่ระบาดของ COVID ในประเทศคาดดีขึ้นในเดือนกันยายน การลงทุนรอบใหม่ในธุรกิจ S-Curve เช่น EV Car, EV Battery เป็นปัจจัยช่วยหนุนความต้องการที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม
2. PJW) คาดกำไรไตรมาส 3 งบปี 2564 ยังโตสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาต่อเนื่อง จากโรงงานพ่นสีชิ้นส่วนยานยนต์และบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เข้าสู่โหมดทำกำไร และโรงงานที่จีนถึงจุดคุ้มทุนเร็วกว่าคาด ขณะที่ แนวโน้มในไตรมาส 4 ปีงบ 2564 จะรับรู้รายได้จากอุปกรณ์การแพทย์เต็มไตรมาสคาดกำไรทั้งปี 2564 ที่ 190 ลบ. โต 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER2564 เพียง 16 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มอุตสาหกรรม mai ที่ 35 เท่า และคาดผลตอบแทนจากเงินปันผล 4-5% ต่อปี
3. TIDLOR เราประเมินว่าราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัว เนื่องจากคาดว่าให้ผลตอบแทนจะเริ่มฟื้นตัวใน ไตรมาส 4 ปีงบ 2564 หลังโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำของเงินสดทันใจ คาดจะสิ้นสุดลงในเดือน ก.ย. และคาดว่าการประชุมกับผู้บริหารในวันศุกร์นี้จะมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งปีหลัง
4. SCC ราคาน้ำมันดิบที่แกว่งตัวไซด์เวย์จากความกังวลต่อการแพร่ระดับของโควิด-19 และซัพพลายน้ำมันเพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ และ OPEC+ เป็นบวกต่อ SCC ในแง่ของต้นทุนการผลิตธุรกิจปิโตรเคมีให้ลดลง ทำให้ Spread Margin เพิ่มขึ้น Valuation ไม่แพง ที่ระดับ PER2564 เพียง 10 เท่า และให้ Yield 5% ต่อปี