โดย Yasin Ebrahim
Investing.com - ดัชนี S&P 500 ปิดใกล้จุดสูงสุดเมื่อคืนนี้ นำโดยกลุ่มหุ้นวัฏจักร ขณะที่นักลงทุนมองผ่านตัวเลขการเติบโตของสหรัฐ ท่ามกลางสัญญาณของการใช้จ่ายภาคการบริโภคที่แข็งแกร่ง
ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.43% สู่ระดับ 4,422.13 จุด ดัชนีดาวโจนส์ บวก 0.5% หรือ 175 จุด ส่วนดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.1%
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เติบโตที่อัตรา 6.5% ในไตรมาสที่สอง ต่ำกว่าคาดการณ์ แต่นักลงทุนยังคงมองในแง่ดี เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคสูงเกินความคาดหมาย
“ข้อมูลค่อนข้างน่าผิดหวัง แต่มีรายละเอียดในเชิงสร้างสรรค์” Jefferies (NYSE:JEF) ระบุ “ภาคการบริโภคแข็งแกร่งเกินคาด โดยเพิ่มขึ้น 11.8% ต่อปี และการลงทุนทางธุรกิจก็เช่นกัน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 8%”
การเพิ่มขึ้นในภาคการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้ชดเชยตัวเลข ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ซึ่งสนับสนุนหุ้นวัฏจักรที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงาน วัสดุก่อสร้าง และการเงิน
กลุ่มการเงินได้รับแรงหนุนจากราคาก้าวกระโดดของหุ้นธนาคาร แม้ว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรจะลดลง
หุ้น Cincinnati Financial (NASDAQ:CINF) เพิ่มขึ้นมากกว่า 3% หลังจากรายงานผลประกอบการดีกว่าที่คาด
ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี Facebook (NASDAQ:FB) ลดลง 4% หลังจากออกมาเตือนว่า การปรับนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Apple จะส่งผลต่อรายได้จากการโฆษณา
หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่อื่น ๆ เช่น Microsoft (NASDAQ:MSFT และ Apple (NASDAQ:AAPL) ปรับตัวขึ้น ขณะที่ Amazon (NASDAQ:AMZN) และ Alphabet ( NASDAQ:GOOGL) ปรับตัวลง
นอกจากนี้ หุ้นผู้ผลิตชิปยังช่วยสนับสนุนกลุ่มเทคโนโลยีด้วย นำโดยการเพิ่มขึ้นของ Advanced Micro Devices (NASDAQ:AMD) และ Qualcomm
Qualcomm (NASDAQ: QCOM) เพิ่มขึ้น 6% หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาส โดยนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกท่ามกลางความคาดหวังสำหรับการแก้ไขปัญหาห่วงโซ่อุปทาน
การปรับตัวขึ้นของตลาดโดยรวม เกิดขึ้นหลังจากเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวเป็นนัยว่าเป้าหมายการลดสินทรัพย์ของเฟดจะต้องใช้เวลาอีกนาน ในการประเมินความคืบหน้าของเศรษฐกิจที่จะไปถึงเกณฑ์เพื่อเริ่มลดการซื้อพันธบัตร
ทางด้านข่าวอื่น ๆ ราคาหุ้น Robinhood Markets (NASDAQ:{{1175355|HOOD}) }) ปิดลดลง 8% ที่ 34.82 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในวันที่เปิดตัวการซื้อขายวันแรก ต่ำกว่าราคาเสนอขายประชาชนทั่วไปครั้งแรก 38 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ในขณะเดียวกัน หุ้นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Nikola (NASDAQ:NKLA) ก็ทรุดตัวลง 15% หลังจากที่เทรเวอร์ มิลตัน ผู้ก่อตั้งบริษัทถูกเปลี่ยนตำแหน่งโดยอัยการของรัฐบาลกลาง จากการแถลงการณ์เท็จเพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท