โดย Liz Moyer
Investing.com - ธนาคารกลางสหรัฐคงอัตราดอกเบี้ยไว้อย่างที่คาดไว้ และไม่รีบร้อนที่จะปรับขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วจะหนุนทั้งทั้งดาวโจนส์ และ S&P 500 ให้ขึ้นสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลในวันพุธ
ในขณะที่การกระตุ้นมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์เริ่มเข้าสู่บัญชีธนาคารแต่ละบัญชีในวันพุธธนาคารกลางได้ปัดความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
การตัวทางเศรษฐกิจรอบใหม่ยังคงยกตัว ตั้งแต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปจนถึงผู้ให้บริการความบันเทิงเช่น Walt Disney Company (NYSE: DIS) ซึ่งจะเปิดสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ในเดือนหน้า
รายงานการว่างงานรายสัปดาห์ในวันพฤหัสบดีซึ่งออกเมื่อเวลา 08.30 น. ET (1230 GMT) จะช่วยให้นักลงทุนได้อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
และนี่คือ 3 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดที่นักลงทุนควรรู้:
1. หุ้นท่องเที่ยววัดความสำเร็จของการฟื้นตัว
ผู้ให้บริการเรือสำราญกำลังไฟเขียว เมื่อพวกเขาสามารถเริ่มรับนักท่องเที่ยวได้อีกครั้งเนื่องจากชาวอเมริกันที่มีอายุมากขึ้นแสดงความสนใจในการเดินทางในขณะนี้ซึ่งหลายคนได้รับวัคซีนแล้ว คาร์นิวัลคอร์ปอเรชั่น (NYSE: CCL) เพิ่มขึ้น 121% ในปีที่แล้วเนื่องจากคาดว่าจะมีการกลับสู่ท้องทะเลในที่สุด Norwegian Cruise Line Holdings Ltd (NYSE: NCLH) เพิ่มขึ้น 204%
เนื่องจากผู้ให้บริการเรือสำราญมองเห็นแนวโน้มความต้องการที่ดีขึ้น หุ้นเครื่องบินก็น่าจะได้รับประโยชน์จากการเดินทางในช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงเช่นกัน American Airlines Group (NASDAQ: AAL) เพิ่มขึ้น 61% ในปีที่แล้วขณะที่ United Airlines Holdings Inc (NASDAQ: UAL) ทำสถิติสูงสุดใหม่รอบ 52 สัปดาห์ในวันพุธ
2. อสังหาบ้านตั้งเป้าที่จะได้รับปัจจัยบวกจากสิ่งกระตุ้น
Lennar Corporation (NYSE: LEN) กำหนดโทนในตลาดสำหรับธุรกิจอสังหารายอื่นในวันพุธโดยเพิ่มขึ้น 13% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ หลังจากรายงานรายได้ที่สูงเกินความคาดหมาย
Lennar ประกาศกำไรต่อหุ้น 2.04 ดอลลาร์จากรายรับ 5.33 พันล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์ที่รวบรวมข้อมูลโดย Investing.com คาดการณ์กำไรต่อหุ้นที่ 1.71 ดอลลาร์จากรายรับ 5.12 พันล้านดอลลาร์
ธุรกิจอสังหารายอื่นตอบสนอง PulteGroup Inc (NYSE: PHM) เพิ่มขึ้น 4% เช่นเดียวกับ Toll Brothers Inc (NYSE: TOL)
3. ดัชนีดาวโจนส์จะไปได้สูงแค่ไหน?
ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ทะลุ 33,000 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในวันพุธ ซึ่งได้รับผลกระทบจากคำสัญญาของเฟดที่จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ทำให้ดัชนีพุ่งสูงแตะ 32,000 จุดเมื่อห้าวันที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน CBOE Volatility Index หรือที่เรียกว่า“ มาตรวัดความกลัว” ของ Wall Street ลดลงอีก 2.8% ในวันพุธที่เหลือต่ำกว่า 20 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ความผันผวนต่ำเช่นที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนตลาดโควิดถือเป็นสัญญาณขาขึ้นสำหรับหุ้น