โดย Gina Lee
Investing.com - หุ้นในเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ปรับตัวลงในเช้าวันพุธ โดยยังมีความหวังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็วจาก COVID-19 แต่ความกังวลจากไวรัสก็ยังคอยถ่วยราคาของหุ้นไม่ให้สูงขึ้น
นิคเคอิ 225 ของญี่ปุ่นลดลง 0.59% ในเวลา 22:00 น. ET (3:11 AM GMT) และตลาดหุ้น KOSPI ของเกาหลีใต้ลดลง 1.03%
ASX 200 ของออสเตรเลียก็ลดลง 0.45% ด้วยเช่นกัน ออสเตรเลียนั้นได้กำหนดให้มีการยุติการล็อกดาวน์เป็นเวลา 5 วันในรัฐวิกตอเรียหลังจากไม่มีรายงานผู้ป่วย COVID-19 รายใหม่ในกลุ่มที่เชื่อมโยงกับโรงแรมกักกันในเมืองเมลเบิร์น
ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงขยับขึ้น 0.10% มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่เข้มงวดจะได้รับการผ่อนคลายตั้งแต่วันพฤหัสบดีเป็นต้นไป ซึ่งรวมไปถึงขยายเวลาทำการของร้านอาหาร นอกจากนี้ก็ยังอนุญาตให้เพิ่มจำนวนคนที่สามารถนั่งทานอาหารที่โต๊ะได้เป็นสองเท่าและเปิดสถานที่บางแห่งได้อีกครั้ง นอกจากนี้คณะกรรมการยังแนะนำให้อนุมัติใช้วัคซีนซิโนแวค (NASDAQ: SVA) ซึ่งเป็นวัคซีนเพื่อใช้ป้องกันโควิด-19 โดยให้ โซเฟีย แชน เลขาธิการด้านอาหารและสุขภาพของเมืองเป็นผู้ดำเนินการตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย
สำหรับตลาดของจีนนั้นปิดเนื่องจากเป็นวันหยุด
การปรับลดราคาของวันพุธเกิดขึ้นหลังจากหุ้นปรับตัวขึ้นในวันซื้อขายวันแรกของปีฉลูเมื่อวันก่อน คู่ค้าในสหรัฐฯเห็นทั้งการปรับลงและปรับขึ้นหลังจากกลับจากวันหยุดเพียงชั่วข้ามคืน กำไรของหุ้นมาจากความคาดหวังอย่างต่อเนื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจและงบประมาณทางการเงินจำนวนมาก
แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนบางส่วนก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลกระทบต่อบางภาคส่วน
การคาดการณ์การกระตุ้นเศรษฐกิจและงบประมาณทางการคลังและการเงินนั้น ส่งผลให้เส้นอัตราผลตอบแทนสูงขึ้นสำหรับตราสารหนี้ โดยที่ อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้สหรัฐฯ 10 ปี ในวันอังคารเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1.3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ โควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลกในเดือนกุมภาพันธ์ 2020
“ตลาดของสหรัฐฯ นั้นเริ่มต้นช่วงต้นสัปดาห์ด้วยดีหลังจากที่ปิดไปเนื่องจากวันประธานาธิบดีในวันจันทร์ที่ผ่านมา และเมื่อจำนวนผู้ที่คาดการณ์ว่าเงินจะเฟ้อมีจำนวนมากขึ้นแล้ว นักลงทุนก็จะต้องการลดความเสี่ยงจากรายได้คงที่โดยสลับไปลงทุนแทน การกระทำแบบนี้จะเพิ่มขึ้นหากเกิดภาวะเงินเฟ้อ
ความหนาวเย็นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในเท็กซัส ทำให้การผลิตน้ำมันของสหรัฐต้องหยุดชะงัดลงราว ๆ หนึ่งในห้า และราคาที่พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือนนั้นก็ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น
ธนาคารกลางสหรัฐจะเผยแพร่ ข้อมูลจากการประชุม Federal Open Market Committee ของเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในวันรุ่งขึ้นพร้อมกับ ตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ นักลงทุนจะพิจารณาจากทั้งรายงานการประชุมและตัวเลขเพื่อวัดสถานะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯจาก โควิด-19
ในขณะเดียวกันสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มจำนวนวัคซีนโควิด-19 ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อ โควิด-19 เองก็ดูเหมือนว่าจะลดลงทั้งในสหรัฐฯและภูมิภาคอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจไบเดนของสหรัฐฯ ก็ยังคงต้องดำเนินต่อไปในช่วงต้นปีนี้