InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยในวันจันทร์ (6 ม.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่สอง โดยตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนที่จะผ่อนคลายนโยบายการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,706.56 จุด ลดลง 25.57 จุด หรือ -0.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,975.38 จุด เพิ่มขึ้น 32.91 จุด หรือ +0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,864.98 จุด เพิ่มขึ้น 243.30 จุด หรือ +1.24%
หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ทรัมป์กำลังหารือกับคนใกล้ชิดเกี่ยวกับแผนการตั้งกำแพงภาษีนำเข้า โดยเขาจะเล็งไปที่อุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของชาติหรือความมั่นคงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เท่านั้น แทนที่จะเป็นการปรับขึ้นภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล หรือ Universal Tariffs ต่อทุกภาคอุตสาหกรรมในอัตรา 10%-20% ตามที่เขาได้ประกาศในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง
ข่าวดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาด แม้ว่าทรัมป์ได้ออกมาปฏิเสธในภายหลังก็ตาม โดยดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 300 จุดในช่วงแรก ก่อนที่จะอ่อนแรงลงและปิดตลาดขยับลงเล็กน้อย นอกจากนี้ ข่าวดังกล่าวยังช่วยให้ราคาหุ้นบริษัทผลิตรถยนต์ดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor) ปรับตัวขึ้น 0.40%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตชิปพุ่งขึ้น โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่าบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลที่สามารถรองรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมทั้งปัจจัยบวกจากการที่ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ซึ่งบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่ของโลกจากไต้หวัน เปิดเผยรายได้ที่สูงเกินคาดในไตรมาส 4/2567 เนื่องจากความต้องการเซิร์ฟเวอร์ AI ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) พุ่งขึ้น 3.43% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 3.33% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ทะยานขึ้น 10.45% ส่วนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) พุ่งขึ้น 2.84%
สภาคองเกรสสหรัฐฯ ได้ให้การรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของทรัมป์อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวานนี้ โดยทรัมป์มีกำหนดเข้าพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตานโยบายต่าง ๆ ของเขาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายที่คาดว่าจะเอื้อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยข้อมูลดังกล่าวรวมถึงตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ (7 ม.ค.), ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ในวันพุธ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรซึ่งจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้
ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 9 ม.ค.นี้ เพื่อเป็นการไว้อาลัยต่อการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์