โดย Tom Westbrook
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในวันนี้ขณะที่ตลาดโลกจับตาสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากวิกฤตไวรัสโคโรนา ทว่ายังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-จีน และความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้ง
ปัจจัยสำคัญที่กดดันความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงคือประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้ประกาศใช้กำลังเพื่อยุติการประท้วงทั่วประเทศสหรัฐ ส่งผลให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดวอลล์สตรีทเคลื่อนไหวในแดนลบที่ฝั่งเอเชีย
ส่วนดัชนี MSCI (NYSE:MSCI) ปรับตัวขึ้น 0.41% หลังจากส่งมอบวันที่ดีที่สุดในรอบสองเดือนเมื่อวานนี้
ตลาดหุ้นยุโรปก็เริ่มต้นวันนี้ได้อย่างแข็งแกร่งเช่นกัน โดยสัญญาซื้อขายดัชนี EUROSTOXX 50 ล่วงหน้าไต่ขึ้น 0.71% สัญญาซื้อขายดัชนี FTSE ล่วงหน้าขยับขึ้น 0.52% และสัญญาซื้อขายดัชนี DAX ล่วงหน้า 0.59% ในช่วงบ่ายของฝั่งเอเชีย
ทางด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็ฟื้นตัวจากขาลงครั้งใหญ่แต่ยังคงตัวเช่นเดียวกับพันธบัตรรัฐบาล
สัปดาห์นี้เริ่มต้นขึ้นโดยสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงส่วนใหญ่และตลาดหุ้นทั่วโลกต่างก็ทะยานขึ้น หลังจากทรัมป์ได้ตอบโต้การบังคับใช้กฎหมายใหม่ของจีนด้วยวิธีที่ไม่ใช่การเรียกเก็บภาษีศุลกากร และจึงถือเป็นการลดระดับความรุนแรงของความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 36% จากระดับต่ำสุดในเดือนมีนาคม หลังจากที่ตลาดเริ่มมีความคาดหวังต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากการระบาดที่ได้คร่าชีวิตประชากรกว่า 375,000 รายทั่วโลก
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ประจำเดือนพฤษภาคมชี้ให้เห็นถึงการพลิกฟื้นของภาคการผลิตทั่วโลก แม้จะกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีที่อาจบ่งบอกว่าช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่น บวก 1.17% มุ่งหน้าสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ รวมทั้งตลาดหุ้นเกาหลี ไต้หวัน และฮ่องกงก็ล้วนปรับตัวขึ้นเช่นกัน
ดูหุ้นทั่วโลก