InfoQuest - SET ปิดวันนี้ที่ 1,328.41 จุด ลดลง 9.91 จุด (-0.74%) มูลค่าซื้อขาย 45,540.12 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยวันนี้ลงไปแรงสุดในภูมิภาค จากแรงขายหุ้นบิ๊กแคปถ่วง เหตุต่างชาติกังวลความเป็นอิสระของแบงก์ชาติหลังมีชื่อคนในรัฐบาลเป็นแคนดิเดดประธานบอร์ดคนใหม่ และในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้าจะมีการพิจารณาคดีทางการเมืองประเด็นคุณสมบัตินายกฯ มีผลต่อการอภิปรายงบประมาณปี 68 แนวโน้มพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งในกรอบแนวรับ 1,315 จุดและแนวต้าน 1,343 จุด แนะติดตามผลการประชุม ECB คืนนี้
SET ปิดวันนี้ที่ 1,328.41 จุด ลดลง 9.91 จุด (-0.74%) มูลค่าการซื้อขาย 45,540.12 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลงแรง โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,325.71 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,344.48 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 112 หลักทรัพย์ ลดลง 387 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 168 หลักทรัพย์
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรง ถือว่าแย่ที่สุดในภูมิภาค แม้มีแรงซื้อจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ช่วยประคองดัชนีไว้ระดับ แต่ไม่สามารถต้านทานแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ได้
ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากประเด็นที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่ารัฐบาลเตรียมเสนอชื่อ 2 บุคคลใกล้ชิดเป็นแคนดิเดต ประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เนื่องจากนายปรเมธี วิมลศิริ อดีตเลขาธิการสภาพัฒน์จะครบวาระในเดือน ก.ย.หลังจากรัฐบาลและธปท.มีความขัดแย้งด้านนโยบายเศรษฐกิจ เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติต่อความเป็นอิสระของ ธปท. ทำให้ภาพการลงทุนช่วงนี้อาจดูไม่น่าสนใจ
นอกจากนั้น ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดีทางการเมืองสำคัญ คือ คำร้องยุบพรรคก้าวไกล, การพิจารณาคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน และคดีที่อัยการสูงสุดจะส่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ผิด ม.112 โดยเฉพาะเรื่องคุณสมบัติตินายกฯ อาจมีผลต่อการอภิปรายงบประมาณปี 68 ในวันที่ 19-21 มิ.ย.นี้
แนวโน้มพรุ่งนี้คาดลาดแกว่งในกรอบแนวรับ 1,315 จุดและแนวต้าน 1,343 จุด คืนนี้รอติดตามผลการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ขณะที่ Sentiment ต่างประเทศในแง่ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดดีขึ้นเล็กน้อยหลังการรายงานตัวเลขจ้างงานสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณชะลอ ทั้งนี้ หาก ECB ลดดอกเบี้ยและเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้อาจจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยได้
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
AOT (BK:AOT) มูลค่าการซื้อขาย 2,960.12 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท ลดลง 1.50 บาท
PTT (BK:PTT) มูลค่าการซื้อขาย 2,014.43 ล้านบาท ปิดที่ 32.00 บาท ลดลง 0.75 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,843.04 ล้านบาท ปิดที่ 75.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,499.25 ล้านบาท ปิดที่ 27.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,370.94 ล้านบาท ปิดที่ 134.00 บาท ลดลง 2.00 บาท