InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พลิกดีดตัวขึ้น ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินรอบนี้
ณ เวลา 21.11 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 84 จุด หรือ 0.25% สู่ระดับ 33,869 จุด หลังร่วงลงกว่า 100 จุดในช่วงแร
กนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทแมคโดนัลด์ คอร์ป และเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 4/2565
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเข้าสู่การซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนม.ค.ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่าการปรับตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนแรกของปีจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางที่สดใสของตลาดในปีนี้ หลังจากทำสถิติทรุดตัวลงในปีที่แล้วหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551
ทั้งนี้ สถิติการปรับตัวของ 3 ดัชนีหลักของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ณ วันที่ 30 ม.ค.เป็นดังนี้:-
*ดัชนีดาวโจนส์
-พุ่งขึ้น 1.72% นับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.และต้นปี 2566
-มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 4 เดือน
*ดัชนี S&P 500
-พุ่งขึ้น 4.64% นับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.และต้นปี 2566
-มีแนวโน้มทำสถิติเป็นเดือนม.ค.ที่ทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2562 และปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในรอบ 4 เดือน
*ดัชนี Nasdaq
-พุ่งขึ้น 8.86% นับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.และต้นปี 2566
-มีแนวโน้มทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดรายเดือนนับตั้งแต่เดือนก.ค.2565
นายไรอัน เดทริก นักวิเคราะห์จาก Carson Group กล่าวว่า การปรับตัวที่แข็งแกร่งในเดือนม.ค.ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาด และบ่งชี้ว่าตลาดจะดีดตัวขึ้นต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
"สถิติบ่งชี้ว่า มีอยู่ถึง 5 ครั้งในอดีตที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมากกว่า 5% ในเดือนม.ค. หลังจากที่ตลาดติดลบในปีก่อนหน้า ดัชนีก็ได้พุ่งขึ้นเฉลี่ยถึง 30% ในปีนั้น" นายเดทริกระบุด้านนายอดัม พาร์คเกอร์ นักวิเคราะห์จาก Trivariate Research กล่าวเช่นกันว่า "สาเหตุที่ผมมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นในช่วงต้นปีเป็นเพราะที่ผ่านมานักลงทุนมองในแง่ลบมากเกินไป"