InfoQuest - กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 35.85-36.60 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 36.23 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 36.09-37.13 บาท/ดอลลาร์
โดยเงินบาทพลิกกลับมาแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการซื้อขายผันผวนขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยิลด์)สหรัฐฯย่อลง หลังเกิดสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส รวมถึงการคาดการณ์ของผู้ร่วมตลาดที่ว่าวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจสิ้นสุดลงแล้ว หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายรายของเฟดให้ความเห็นว่าการพุ่งขึ้นของบอนด์ยิลด์ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาทำให้ภาวะตลาดตึงตัวมากขึ้น และอาจลดความจำเป็นที่เฟดต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะต่อไป ส่วนรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.บ่งชี้ว่าความไม่แน่นอนเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจส่งผลให้เฟดแสดงจุดยืนแบบระมัดระวัง อย่างไรก็ดี ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าคาดช่วยให้ดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 2,854 ล้านบาท และ 16,287 ล้านบาท ตามลำดับ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ มองภาพรวมในสัปดาห์นี้ว่า นักลงทุนจะติดตามข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของจีน รวมถึงภาวะตลาดพันธบัตรโลก ราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ช่วงปลายสัปดาห์ตลาดจะให้ความสนใจกับความเห็นของประธานเฟดในงานที่ Economic Club of New York เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐฯต่อไป โดยในภาวะเช่นนี้ เราคาดว่าค่าเงินดอลลาร์อาจพักฐานชั่วคราวเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่
สำหรับประเด็นในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าค่าเงินบาทมีความไม่แน่นอนสูงและเป็นตัวแปรสำคัญที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จับตา โดยทางการเห็นว่ามีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อในบางไตรมาสของปี 67 จะสูงกว่า 3% ทั้งนี้ ธปท. เน้นย้ำว่าดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันที่ 2.50% ถือเป็นระดับที่สมดุล ซึ่งไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและเป็นระดับที่เหมาะสมในการรองรับทั้งปัจจัยบวกและลบในระยะข้างหน้า อีกทั้งธปท.คาดว่ามีโอกาสน้อยที่ดุลบัญชีเดินสะพัดจะติดลบต่อเนื่องยาวนาน อนึ่ง BAY คาดว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายรวมถึงธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำจะเป็นปัจจัยชี้นำค่าเงินบาทในระยะนี้