Investing.com - ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลภาคการผลิต, ภาคกิจการบริการ, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ
ปฏิทินเศรษฐกิจในวันนี้ประกอบไปด้วยการรายงานตัวเลขภาคการผลิต, ภาคกิจการบริการ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่จะชี้ให้เห็นว่าความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่สี่จะลดลงไปบ้างหรือไม่
IHS Markit จะรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคกิจการบริการประจำเดือนพฤศจิกายนในเวลา 08.30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (13:30 GMT)
ดัชนี PMI ภาคการผลิต ในเดือนพฤศจิกายนคาดว่าจะปรับขึ้น 51.5 จากเดือนก่อน 51.3 และ ภาคกิจการบริการ คาดว่าจะอยู่ที่ 51 จาก 50.6
มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะรายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเวลา 10:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ซึ่งคาดว่าจะออกมาเท่ากับ 95.7 สูงขึ้นเล็กน้อยจากก่อนหน้านี้ 95.5 ขณะที่ ความคาดหวังของผู้บริโภค ก็น่าจับตาเช่นกัน
2. จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน
จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันล่าสุดจะรายงานออกมาในวันนี้ หลังจากจำนวนแท่นขุดเจาะได้ลดลงมาสี่สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว
สัปดาห์ที่แล้ว จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน ที่ยังเปิดใช้งานอยู่ในสหรัฐฯ ลดลงไป 10 แท่น เหลือ 674 แท่น ซึ่งลดลงไปจากปีที่แล้ว 24%
ถึงกระนั้น กำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ก็ยังคงอยู่ในระดับสถิติสูงสุดที่ 12.8 ล้านบาร์เรลต่อวันตามรายงานของ EIA เมื่อช่วงต้นสัปดาห์
เมื่อคืนนี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ ปรับขึ้น 2.8% และปิดตัวที่ $58.58 ต่อบาร์เรล
3. Footlocker และ JM Smucker รายงานผลประกอบการ
Foot Locker (NYSE:FL) เตรียมรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สามในวันนี้ก่อนเวลาตลาดเปิด
คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จากแบรนด์อย่าง Jordan, YEEZY และ Nike (NYSE:NKE) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
คาดว่า Foot Locker (NYSE:FL) จะ ทำกำไร ที่ $1.07 ต่อหุ้นและคาดว่าจะมีรายได้ 1.94 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากปีก่อนหน้านี้ที่เคยทำกำไรได้ 95 เซนต์ต่อหุ้นและมีรายได้ 1.86 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ในปีนี้หุ้นของบริษัททรุดตัวลงมากว่า 22% แล้ว
ทางด้าน JM Smucker (NYSE:SJM) คาดว่าจะ มีผลกำไร ที่ $2.13 ต่อหุ้น และคาดว่าจะมีรายได้ 1.97 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สองของบริษัท โดยเมื่อปีก่อน JM Smucker ทำกำไรได้ $2.17 ต่อหุ้นและมีรายได้ 2.02 พันล้านเหรียญสหรัฐ
Smucker ได้กำหนดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรสำหรับทั้งปีนี้ระหว่าง $8.35 ถึง $8.55 ลดลงมา 10 เซนต์ และคาดว่ายอดขายจะคงเดิมหรือลดลง 1% ต่างจากที่เคยคาดไว้ว่ายอดขายจะสูงขึ้น 1% ถึง 2% โดยในปีนี้ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมาแล้ว 11.4%