Investing.com -- ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. อัตราเงินเฟ้อภาคการค้าส่ง, การให้คำกล่าวของนายเพาเวลล์อีกครั้ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันนี้เวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT)
โดยเฉลี่ยแล้วนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดัชนี PPI ประจำเดือนตุลาคมจะออกมาขยายตัวขึ้น 0.3% ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ออกมาหดตัวลง 0.3%
อ้างอิงจากผลคาดการณ์ที่รวบรวมมาโดย Investing.com คาดว่า ดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาด้านอาหารและพลังงาน คาดว่าจะสูงขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนที่หดตัวลง 0.3%
ซึ่งจะทำให้อัตราการเติบโตปีต่อปีของดัชนี PPI อยู่ที่ 0.9% ลดลงจากก่อนหน้านี้ 1.4% และดัชนี PPI พื้นฐานอยู่ที่ 1.5% ลดลงจากก่อนหน้านี้ 2%
ทางด้านประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ จะ ให้คำกล่าว เกี่ยวกับภาพรวมทางเศรษฐกิจต่อหน้าคณะกรรมาธิการจัดสรรงบประมาณในเวลา 10:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (15:00 GMT) คาดว่าการปรากฎตัวของนายเพาเวลล์ครั้งนี้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากคำกล่าวเมื่อวานนี้ ซึ่งนายเพาเวลล์ได้เน้นย้ำว่าจุดยืนของธนาคารกลางสหรัฐฯ ขณะนี้มีความเหมาะสมแล้วและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในสภาพที่ดี
2. ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก
สำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดการรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์กำลังเฝ้าจับตาว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกันหรือไม่
คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจาก EIA จะสูงขึ้น 1.65 ล้านบาร์เรลสำหรับสัปดาห์ที่สิ้นสุดก่อนวันที่ 8 พฤศจิกายน
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ ปรับขึ้น 0.6% แล้วปิดตัวอยู่ที่ $57.17 ต่อบาร์เรล ก่อนที่จะย่อตัวลงมาอีกในภายหลังเมื่อมีข่าวว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีนประสบกับอุปสรรค
โดยก่อนหน้าที่จะมีการรายงานตัวเลขจาก EIA สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) ได้รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์ที่แล้วที่ลดลงไป 0.5 ล้านบาร์เรล
3. การรายงานผลประกอบการของ Nvidia และ Walmart
Walmart (NYSE:WMT) จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สามของบริษัทในวันนี้ก่อนเวลาตลาดเปิด ซึ่งตลาดมีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการจะต้องออกมาดีแน่นอนเนื่องจากบริษัทได้พยายามอย่างมากที่จะขยับขยายการให้บริการสู่ช่องทางดิจิทัล
Walmart ได้คาดการณ์ไว้ว่ายอดขายในสาขาเดิมของสหรัฐฯ จะเติบโตขึ้นสูงสุดระหว่าง 2.5% ถึง 3% และคาดว่ายอดขายจากช่องทางอีคอมเมิร์ซสหรัฐฯ จะต้องขยายตัวราว 35%
คาดว่าบริษัทจะ ทำกำไร ได้ $1.09 ต่อหุ้น และคาดว่าจะมีรายได้ 1.2857 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จากปีก่อนที่ Walmart (NYSE:WMT) ทำกำไรได้ $1.08 ต่อหุ้นและมีรายได้ 1.2542 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปีนี้ราคาหุ้นของบริษัทได้ทะยานขึ้นมาแล้วถึง 29.9% หลังจากเมื่อปี 2018 ติดลบลงไป 5.67%
ส่วน Nvidia (NASDAQ:NVDA) จะรายงานผลประกอบการหลังเวลาตลาดปิด
กิจการเกมมิ่งของ Nvidia คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งของคอนโซลวิดีโอเกม Nintendo ซึ่งใช้ชิพ GPU ของ Nvidia โดยอ้างอิงข้อมูลจากบริษัทการวิจัยทางการตลาด NPD Group พบว่า Nintendo Switch เป็นคอนโซลวิดีโอเกมที่มียอดขายสูงสุดในสหรัฐฯ มากว่า 10 เดือนแล้ว
คาดว่า Nvidia จะรายงาน ผลกำไร ที่ $1.58 ต่อหุ้น และคาดว่าจะมีรายได้ 2.92 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากปีก่อนที่บริษัทมีกำไร $1.97 ต่อหุ้น และมีรายได้ 3.18 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปีนี้ราคาหุ้นของบริษัทได้ทะยานขึ้นมาแล้วกว่า 56% หลังจากปี 2018 ที่ดิ่งลงไปถึง 30.85%