ดูเหมือนว่านักเทรด Bitcoin สาย Short หรือผู้ที่แทงข้างลงของตลาด Bitcoin นั้นจะเกิดการล้างพอร์ตอย่างย่อยยับรวมกันกว่า 8.5 พันล้านบาทจากในช่วง 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ราคา BTC นั้นพุ่งไปทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่เหนือระดับ 59,000 ดอลลาร์แล้ว ข้อมูลจากเว็บ Bybt.com เผยให้เห็นว่ามีนักเทรดสายอินดี้ ชอบสวนกระแสทำในสิ่งที่คนธรรมดาเขาไม่ทำกันซึ่งก็คือการเปิด short ก่อนที่ราคา Bitcoin นั้นจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง จนทำให้พวกเขาต้องขาดทุน ล้างพอร์ทรวมกันกว่า 277.54 ล้านดอลลาร์ หรือราว ๆ 8.5 พันล้านบาทเลยทีเดียว การ Short sell นั้นก็คือการที่นักลงทุนนั้นทำการซื้อสัญญาซื้อขายในตลาดเพื่อแทงข้างลง และทำการยืม Bitcoin จากเว็บเทรดเพื่อมาขาย โดยการยืมนั้นจะอยู่บน margin ที่ตัวนักลงทุนมี หากมีเยอะ จำนวนที่ให้ยืมได้ก็เยอะตาม โดยหากราคาร่วงนั้น นักเทรดก็จะได้กำไรจากส่วนต่างของราคา ก่อนที่จะปิด position ด้วยการซื้อ Bitcoin เพื่อนำไปคืนเว็บเทรดในอัตราท่ียืมมา บวกด้วยดอกเบี้ยเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกัน หากราคานั้นพุ่งขึ้นสวนทาง นั่นหมายความว่านักเทรดจะอยู่ในสถานะขนาดทุน เนื่องจากว่าพวกเขาจะต้องซื้อ Bitcoin ไปคืนในอัตราที่เท่ากับที่ยืมมาด้วยราคาที่แพงขึ้นนั่นเอง หากขาดทุนไปจนใกล้จะถึงเงิน margin ที่นักลงทุนมี ก็จะเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า margin call เนื่องจากว่าทางเว็บเทรดจะออกมาเตือนนักลงทุนว่าพวกเขากำลังจะขาดทุนมากกว่าเงินที่มีอยู่บนหน้าตัก และหากนักเทรดไม่ต้องการที่จะถูกล้างพอร์ตนั้น พวกเขาจะต้องหาเงินมาเติมเพื่อเพิ่ม margin แต่หากนักเทรดไม่เติมเงินนั้น เมื่ออัตราขาดทุนถึงจุดวิกฤต เว็บเทรดจะทำการ stop out สัญญาซื้อขายที่ทำไว้ เพื่อปิดในจุดที่นักเทรดขาดทุนจนหมดตัว ซึ่งก็คือการล้างพอร์ตนั่นเอง สิ่งนี้เป็นการป้องกันความเสี่ยงของทางเว็บเทรดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้ตามมา ในวันนี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าราคา Bitcoin นั้นได้พุ่งไปแตะจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 59,600 ดอลลาร์บนคู่เทรด BTCUSD ของ Bitfinex โดยเกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดนั้นมีการสะสมตัวมาหลายวัน และนักเทรดส่วนใหญ่ก็คิดว่ามันจะลงอีกด้วย
กดอ่านข่าว นักเทรด Bitcoin สาย Short ถูกล้างพอร์ทยับ สูญสิ้นเงินรวมกันกว่า 8.5 พันล้านบาท ต่อที่ Siam Blockchain