BeInCrypto - สำหรับผู้คนมากมายที่อยู่ในตลาด Crypto การขุดเหรียญเพื่อสร้าง Passive Income ได้นั้นถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่เดิมทีแล้ว การขุดนั้นต้องการฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูงและราคาแพง ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากจึงได้หันไปใช้งาน Cloud Mining แทน ด้วยการใช้ Cloud Mining ผู้ใช้งานก็เพียงแค่ต้องเลือกผู้ให้บริการ, ลงทุนไปก่อน(ด้วยการจ่ายค่าบริการ), จากนั้นก็แค่รอให้มันสร้างรายได้ให้กับพวกเขา ฟังดูเป็นเรื่องง่ายๆ ใช่มั้ยหล่ะ? แต่การเลือกผู้ให้บริการ Cloud Mining ที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น เราจึงได้รวบรวมข้อมูล “ไซต์ Cloud Mining ที่ดีที่สุดในปี 2023” มาไว้เพื่อที่จะช่วยให้เหล่านักขุดรู้สึกมั่นใจในการลงทุนของพวกเขา
Cloud Mining คืออะไร?
Cloud Mining คือกระบวนการการขุด Cryptocurrency ด้วยการเช่าพลังการคำนวนที่ทรงพลังจากแหล่งอื่นๆ อย่างเช่น การเช่าจากผู้ให้บริการ Cloud Mining นั่นเอง สาเหตุที่คนส่วนใหญ่นั้นหันมาใช้บริการ Cloud Mining ก็เนื่องมาจากการขุดแบบดั้งเดิมนั้นต้องการคอมพิวเตอร์ที่มีราคาแพง และยังต้องใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ทำให้บางครั้งมันได้นำไปสู่ความยุ่งยากในการพยายามที่จะทำกำไรจากค่าใช้จ่ายที่มากมายเหล่านี้
ด้วยการใช้ประโยชน์จาก Data Center แบบ Remote (เข้าใช้งานได้จากระยะไกล) ที่แบ่งปันพลังของการประมวลผลให้กับผู้ที่เช่าใช้บริการ นักขุดแบบคลาวด์ (Cloud Miners) นั้นจึงไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับการจัดการกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ทั้งหลาย การใช้บริการ Cloud Mining นั้น ที่จริงแล้วสิ่งที่คุณเช่าก็คือ Hashrates ซึ่งก็คือค่าที่ถูกใช้ในการประเมินพลังการประมวลผลของเครือข่าย ผู้ใช้งานจะต้องลงทะเบียนกับบริษัทขุดเหมืองและซื้อสัญญาการขุดที่จะทำหน้าที่เป็น “ส่วนแบ่ง” ของพวกเขา
คนส่วนใหญ่นั้นคุ้นเคยกับ Bitcoin อยู่แล้ว ดังนั้น Bitcoin Cloud Mining จึงเป็นรูปแบบการขุด Crypto ที่พบเห็นกันได้ทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม คุณสามารถขุด Crypto ใดๆ ก็ได้ที่ใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Work และในเมื่อคุณจะต้องทำการลงทุนล่วงหน้า ดังนั้น การเลือกใช้บริการไซต์ Cloud Mining ที่น่าเชื่อถือและได้รับเสียงวิจารณ์ที่ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ต่อไปนี้คือรายชื่อและข้อมูลของไซต์ Cloud Mining ที่ดีที่สุด 7 แห่งในตลาด Crypto ตอนนี้
ไซต์ Cloud Mining ที่ดีที่สุด 7 แห่ง
1. Ecos
Ecos เป็นหนึ่งในไซต์ Cloud Mining และแพลตฟอร์ม DeFi ที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดในอุตสาหกรรม พวกเขาก่อตั้งขึ้นในปี 2017 และเป็นแพลตฟอร์ม Cloud Mining แห่งแรกที่ให้บริการอย่างถูกต้องตามกฏหมาย บริษัทของพวกเขาตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจเสรีของประเทศอาร์เมเนียและได้มีการทำข้อตกลงกับบริษัทผู้ให้บริการไฟฟ้าชั้นนำรายหนึ่ง แพลตฟอร์มของพวกเขามีผู้ใช้งานมากกว่า 100,000 รายทั่วโลกและรองรับเหรียญหลักๆ อย่างเช่น Bitcoin, Ripple, Ethereum, Litecoin, Tether, และ Bitcoin Cash อย่างไรก็ตาม ฟังค์ชั่นการขุดนั้นรองรับเพียงแค่ Bitcoin เท่านั้น
นอกเหนือไปจากการให้บริการ Cloud Mining แล้ว Ecos ยังมีกระเป๋าเงินที่รองรับหลายสกุลเงินและพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลายที่มาพร้อมกับตัวชี้วัดอัตราความเสี่ยง/ผลตอบแทนมากมาย บริการ Cloud Mining ของ Ecos นั้นสามารถตั้งค่าได้อย่างง่ายดายและสามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store (iOS) และ Google (NASDAQ:GOOGL) Play (Android) เงินลงทุนขั้นต่ำนั้นแค่เพียง 150 ดอลลาร์ ทำให้มันเป็นแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักขุดหน้าใหม่
ข้อดี
- สัญญาการซื้อที่ปรับแต่งได้
- จ่ายเงินรายวัน
- จำนวนการถอนขั้นต่ำที่ต่ำ
- ความเสี่ยงในการถูกฉ้อโกงต่ำ
ข้อเสีย
- รับรองเฉพาะการขุด Bitcoin เท่านั้น
Ecos: เครื่องคำนวนการขุด
2. Hashing24
Hashing24 นั้นก่อตั้งขึ้นในปี 2015 และเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนกับ Bitcoin เพียงอย่างเดียว พวกเขาอ้างว่ามีประสบการณ์ในตลาด Bitcoin Cloud Mining มากว่า 10 ปี โดยมีการขุดและถอนออกไปแล้วกว่า 1,000 เหรียญ จำนวนการลงทุนขั้นต่ำคือ แผน 12 เดือนในราคา 72.30 ดอลลาร์ ซึ่งจะมอบอัตรา 1 TH/s (1 พันล้านแฮชต่อวินาที) ให้แก่นักขุด เช่นเดียวกับ Ecos ปัจจุบันพวกเขารองรับเฉพาะการขุด Bitcoin เท่านั้น
Hashing24 ใช้ Bitfury เป็น Data Center สำหรับการขุดของพวกเขา Bitfury Group เป็นบริษัทเทคโนโลยีบล็อกเชนชั้นนำระดับโลกซึ่งมุ่งมั่นในการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการขุด Bitcoin ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม พวกเขาได้วาง Data Center ไว้ใน 6 ประเทศ โดยมี 4 แห่งที่เปิดให้บริการการขุดอย่างต่อเนื่อง ที่หน้าไซต์ของ Hashing24 ผู้ใช้งานสามารถใช้งานบัญชีทดลอง — เพื่อคำนวนกำไรที่พวกเขาจะทำได้จาก Hash Power ที่กำหนด — ได้ฟรี
ข้อดี
- ค่า Hash Power ที่สเถียร
- การสนับสนุนลูกค้าทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
- จ่ายเงินรายวัน
- โปรโมชั่นและการประมูลรายสัปดาห์มากมาย
- บัญชีทดลองเพื่อช่วยจำลองผลกำไรที่พวกเขาสามารถทำได้
ข้อเสีย
- รับรองเฉพาะการขุด Bitcoin เท่านั้น
Hashing24: เครื่องคำนวนการขุด
3. Bitdeer
Bitdeer เป็นแพลตฟอร์ม Cryptocurrency เอนกประสงค์ที่มาพร้อมกับบริการที่หลากหลาย นอกเหนือไปจากบริการ Cloud Mining แล้ว พวกเขายังทำหน้าที่เป็นตลาด Hashrate อีกด้วย ตลาดนี้จะอนุญาตให้นักลงทุนสามารถซื้อและขาย Hashrate กับผู้อื่นได้ พวกเขานั้นโฟกัสไปที่การเป็นพันธมิตรกับกลุ่มการขุดที่ใหญ่ที่สุดและผู้ผลิตอุปกรณ์การขุดที่ดีที่สุด
นักขุด ASIC และ GPU ที่ทรงพลังจะเป็นผู้ที่ดูแลเรื่องการขุด เพื่อที่จะเริ่มขึ้น ผู้ใช้งานจะต้องทำการลงทุนขั้นต่ำเป็นจำนวนเงิน 542 ดอลลาร์ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้รับ 50TH/s สำหรับ Bitcoin Cloud Mining นอกจากนี้ พวกเขายังมี Cloud Contract ในกว่า 200 ประเทศและสัญญาทุกประเภทนั้นมีระยะเวลา 180 วัน พวกเขานั้นยังประสบความสำเร็จในการเปิดตัว Data Center ที่เปิดให้บริการตามข้อกำหนดเป็นจำนวน 5 แห่งทั่วทั้งโลก
ข้อดี
- เป็นตลาด Hashrate
- เป็น Cloud Hosting สำหรับนักขุด
- มีแอปสำหรับ Android และ iOS
- ชาร์ตราคาของ Cryptocurrency ในแบบเรียลไทม์
ข้อเสีย
- มีค่าการลงทุนขั้นต่ำที่ค่อนข้างแพง
Bitdeer: การขุดของ Bitdeer
4. Genesis Mining
Genesis เป็นผู้ให้บริการ Cloud Mining ที่รองรับ Cryptocurrency ที่สามารถขุดได้กว่า 10 สกุลเงินและถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด บริษัทของพวกเขาตั้งอยู่ในฮ่องกงซึ่งให้บริการแก่ผู้ใช้งานกว่า 200,000 ในมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก บริการการขุดของพวกเขานั้นเหมาะกับนักลงทุนในทุกระดับ พวกเขานำเสนอแผนการขุดหลากหลายประเภท ตั้งแต่ 6 เดือนไปจนถึง 24 เดือน แต่ละประเภทมาพร้อมกับสัญญา 4 รูปแบบที่มีราคาที่แตกต่างกัน สัญญาที่ขายทั้ง 4 รูปแบบได้แก่ Gold, Platinum, Diamond, และ Custom
ยิ่งไปกว่านั้น Genesis Mining ยังไม่มีการเรียกเก็บค่าบำรุงรักษาอีกด้วย ช่วยทำให้นักลงทุนประหยัดเงินได้มาก การลงทุนขั้นต่ำเพื่อที่จะเริ่มใช้บริการคือ 500 ดอลลาร์
ข้อดี
- มีการให้บริการที่น่าเชื่อถือมาอย่างยาวนาน
- อุปกรณ์การขุดที่เชื่อถือได้
- การสนับสนุนลูกค้าทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
- มีการจ่ายเงินอย่างสม่ำเสมอ
- วิธีการชำระเงิน/ถอนเงินที่หลากหลาย รวมถึงสามารถใช้บัตรเครดิตได้
ข้อเสีย
- ไม่มีกระดานซื้อขายสำหรับขาย Hashrate
5. Nicehash
Nicehash นั้นให้บริการทั้งการเป็นโฮสติ้งการขุดและตลาดซื้อขาย ที่นี่ นักขุดมีอิสระที่จะกำหนดเงื่อนไขการขุดของตัวพวกเขาเองได้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานสามารถเลือกค่า Hash Power พวกเขาต้องการ รวมไปถึงช่วงระยะเวลาจำนวนเงินที่พวกเขาต้องการจะจ่ายได้ พวกเขายังสามารถเชื่อมต่อกับนักขุดรายอื่นๆ เพื่อขาย Hashrate โดยการแนบข้อมูล GPU ของพวกเขาบนแพลตฟอร์มได้
ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของ Nicehash นั้นจะเน้นหนักไปที่ Bitcoin ดังนั้น ทุกๆ อย่างจะถูกแปลงค่าเป็น Bitcoin โดยไม่คำนึงว่าจะเป็นเหรียญใดที่ถูกขุด ตรงข้ามกับไซต์ Cloud Mining ที่น่าเชื่อถือรายอื่นๆ Nicehash นั้นไม่ได้เป็นเจ้าของอุปกรณ์การขุดใดๆ ผู้ใช้งานนั้นจะต้องเชื่อมต่อ PC หรืออุปกรณ์ขุดของตนกับสมาชิกรายอื่นๆ ในตลาดซื้อขาย Hash Power เพื่อเช่าพลังการประมวลผลเหล่านั้นด้วยตนเอง
ข้อดี
- ถอนเป็นสกุลเงิน Fiat ได้
- การจัดการการขุดจากระยะไกล
- การซื้อขาย Hashrate แบบ Peer-to-Peer
- ทำงานในโหมด Fast Lightning Network
ข้อเสีย
- แพงกว่าผู้ให้บริการ Cloud Mining ส่วนใหญ่
- มีอัตราการจ่ายเงินที่ช้า
Nicehash: ตลาดซื้อขาย
6. Hashshiny
Hashshiny เป็นซอร์ฟแวร์ Bitcoin Cloud Mining ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหากลุ่มการขุดที่ทำกำไรได้ดีที่สุดได้อย่างง่ายดาย Hashshiny ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 พวกเขาใช้เครื่องขุด ASIC และ GU ใหม่ล่าสุดสำหรับโปรโตคอลการขุดของพวกเขา และผู้ใช้งานนั้นสามารถควบคุมกระบวนการขุดได้โดยการเลือกเปิดหรือปิดสิทธิ์การควบคุมทั้งหมดได้ ยิ่งไปกว่านั้น แพลตฟอร์มของพวกเขายังมีกราฟพร้อม Hashrate ที่จะฟีดข้อมูลแบบเรียลไทม์ให้ดูได้อีกด้วย
Hashshiny นั้นสะดวกในการใช้งานเป็นอย่างมากเนื่องจากผู้ใช้งานสามารถเข้าใช้งานซอร์ฟแวร์ผ่านอุปกรณ์ในระบบ Android หรือ iOS ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถชำระเงินผ่าน PayPal (NASDAQ:PYPL) หรือกระเป๋าเงินคริปโตต่างๆ ได้อีกด้วย ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10 ดอลลาร์ ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในวงกว้าง
ข้อดี
- Hashrate การขุดแบบเรียลไทม์ภายในแอปพลิเคชั่น
- ต้องการจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำที่ต่ำ
- จ่ายเงินรายวัน
- ค่าธรรมเนียมการบำรุงรักษาที่ต่ำ
- มีแอปมือถือ
ข้อเสีย
- อาจจะมีราคาที่ค่อนข้างแพงเมื่อเพียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ
Hashshiny: สัญญาการใช้งาน
7. StormGain
StormGain นั้นมีแดชบอร์ดที่ใช้งานได้ง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน พวกเขาดำเนินการทั้งหมดด้วยฮาร์ดแวร์ขุด BTC แบบปกติทั่วไป ดังนั้น มันจึงจะไม่มีการใช้แบตมือถือหรือคอมพิวเตอร์ของคุณจนหมดอย่างแน่นอน ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงที่หน้าอินเตอร์เฟซของแพลตฟอร์มได้โดยตรง นอกจากนี้ StormGain ยังมีเครื่องมือสร้างชาร์ตที่ทรงพลังเพื่อใช้ในการติดตามเทรนด์ของราคา แพลตฟอร์มนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 โดยมีให้บริการในภาษาต่างๆ มากมายและยังมีขั้นตอนการสมัครบัญชีที่ง่ายดายอีกด้วย หนึ่งในฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพวกเขาคือเอนจิ้นป้องกันการฉ้อโกงที่ชาญฉลาด ยิ่งไปกว่านั้น รางวัลการขุดนั้นจะถูกแจกจ่ายให้อย่างเท่าเทียมกันในทุก 30 ถึง 40 นาทีอีกด้วย
ข้อดี
- มีบริการที่เชื่อถือได้และถูกต้องตามกฏหมาย
- มีเอนจิ้นป้องกันการฉ้อโกง
- มีการจ่ายเงินอย่างสม่ำเสมอ
- มีการสนับสนุนลูกค้าที่ดี
- ให้โบนัสสูงสุดถึง 20% ต่อทุกการฝาก
ข้อเสีย
- คำนวนยอดถอนได้ยาก
- ไม่มีบอทเพื่อทำการซื้อขายอัตโนมัติ
Stormgain: คำนวนการขุดของ StormGain
เลือกไซต์ Cloud Mining ให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
ขอให้ทำการศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนที่คุณจะเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ ไซต์ Cloud Mining ในบทความนี้นั้นเป็นไซต์ที่มีประวัติการจ่ายเงินและการรีวิวจากลูกค้าที่ดี โดยทั่วไปแล้ว แพลตฟอร์ม Cloud Mining มากมายนั้นล้วนแต่เป็นพวกสแกม มันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องหาผู้ให้บริการที่จะจ่ายเงินให้คุณอย่างสม่ำเสมอและมีค่า Hashrate ที่โปร่งใส Cloud Mining นั้นสามารถทำรายได้ได้เป็นอย่างดีหากคุณมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี, เลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ, และลงทุนเฉพาะเงินเย็นที่คุณจะไม่ลำบากหากสูญเสียมันไป
คำศัพท์ทางเทคนิคในบทความ
- Passive income: รายได้ที่ได้รับจากผลตอบแทนจากการเป็นเจ้าของทรัพย์สินใดๆ เช่น การปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในทรัพย์สินทางการเงิน เช่น หุ้น กองทุน พันธบัตร ฯลฯ
- Hash Power: ค่ากำลังการประมวลผลของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการคำนวนเพื่อแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อหาคำตอบที่ถูกต้องในเครือข่าย Blockchain โดยมีความเร็วเป็น ต่อวินาที (per-second)
- Fiat Currency (สกุลเงินเฟียต): เป็นสกุลเงินออกโดยรัฐบาลของแต่ละประเทศ ถูกกำหนดขึ้นให้เป็นสกุลเงินที่สามารถใช้ได้ตามข้อกำหนดของรัฐบาลหรือกฎหมาย
- Peer-to-Peer (เพียร์ทูเพียร์): ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทำการเชื่อมต่อกันโดยคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องโดนไม่ผ่านเครื่องเซิร์ฟเวอร์หลัก และสามารถแชร์ไฟล์/ข้อมูลให้กันและกันได้
- Cloud Hosting: การนำเครื่องเซิร์ฟเวอร์หลายๆ เครื่องมาเชื่อมต่อการทำงานเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้เกิดความสามารถในการประมวลผลที่ใหญ่มากขึ้น