โปรดลองค้นหาใหม่อีกครั้ง
"บริษัทนี้ดูราคาถูก บริษัทนั้นดูราคาถูก แต่เศรษฐกิจโดยรวมอาจทำมันพังได้ กุญแจสำคัญคือให้รอ บางครั้งสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดก็คือการไม่ทำอะไรเลย "
- เดวิด เทปเปอร์
หุ้นตัวเดียวสามารถบอกเล่าเรื่องราวของทั้งอุตสาหกรรมหรือเศรษฐกิจได้หรือไม่ อาจจะไม่ โดยทั่วไปแล้ว หุ้นสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทหนึ่ง ๆ กำลังมีพฤติกรรมอย่างไรเมื่อเทียบกับบริษัทที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ แล้วเราจะขยายมุมมองของเราให้เข้าใจพฤติกรรมของตลาดในวงกว้างได้อย่างไร แทนการวิเคราะห์หุ้นแต่ละตัว เราจะสร้างภาพตัดขวางของทั้งเศรษฐกิจโดยการรวมหุ้นเพื่อจัดทำดัชนี
ขยายมุมมองให้กว้างขึ้น
นอกเหนือจากการเป็นแนวคิดที่เป็นนามธรรมแล้ว ดัชนียังเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำให้เห็นลักษณะและภาพแนวโน้มของตลาดแบบกว้าง ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ขณะที่มองภาพรวมของเศรษฐกิจและระดับกิจกรรมทั่วไปแบบกว้าง ๆ แทนการสะท้อนผลประกอบการของบริษัทเดียว ดัชนีจะแสดงให้เห็นถึงผลประกอบการของบริษัทกลุ่มหนึ่งไปพร้อม ๆ กัน คุณอาจคุ้นเคยกับดัชนีที่โด่งดังที่สุดอยู่แล้ว เพราะสื่อมวลชนมักใช้ดัชนีเหล่านี้เพื่ออธิบายถึงประสิทธิภาพของตลาดหุ้นโดยรวม
ดัชนีมาตรฐานสำคัญ ๆ เช่น Dow Jones Industrial Average ที่มีชื่อเสียงระดับโลก S&P 500, FTSE 100, DAX 30 และดัชนีอื่น ๆ นั้นเป็นดัชนีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกซึ่งจะให้ข้อมูลที่มีค่าแก่เราว่านักลงทุนเห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่งนั้นเป็นอย่างไร เนื่องจากดัชนีสำคัญ ๆ เหล่านี้เป็นตัวแทนของบริษัทหลาย ๆ บริษัทพร้อมกัน จึงช่วยสร้างมุมมองที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ และว่าบริษัทเหล่านั้นมีผลประกอบการที่สูงกว่าหรือต่ำกว่ามาตรฐานเทียบเคียงอื่น ๆ
ชำเลืองมองอนาคต
ราคาหุ้นอยู่บนพื้นฐานของการคาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งหมายความว่าเรากำหนดราคาตามความคาดหวังของเราว่าบริษัทจะเติบโตหรือหดตัวในอนาคตแค่ไหนอย่างไร เมื่อเหตุการณ์อย่างผลกำไรของบริษัท ข่าวด่วน เงินปันผล หรือประกาศสำคัญอื่น ๆ ได้รับการเปิดเผย นักลงทุนจะตอบสนองต่อข้อมูลสาธารณะที่มีทั้งหมดทันที ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นตามลำดับ นี่หมายความว่านักลงทุนทำการตัดสินใจซื้อหรือขายโดยพิจารณาจากข้อมูลใหม่นี้และผลกระทบที่อาจมีต่อผลประกอบการในอนาคต
ดัชนีหุ้นเป็นบารอมิเตอร์วัดว่าเศรษฐกิจกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนที่มีประโยชน์เพียงเพราะเราตั้งราคาหุ้นตามการคาดการณ์ในอนาคต แตกต่างจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจบางตัว เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หรือการจ้างงาน - ซึ่งเป็นการวัดประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจในอดีตและดังนั้นจึงเป็นตัวบ่งชี้กิจกรรมในปัจจุบันที่ล้าหลัง แต่ดัชนีจะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ซ้ำใครเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลประกอบการในอนาคตแก่เรา เมื่อบริษัทจัดทำแผนคาดการณ์เกี่ยวกับรายได้ เราสามารถต่อยอดความคิดไปได้ว่าบริษัทคิดว่าผลประกอบการในอนาคตจะดำเนินไปอย่างไร
เนื่องจากดัชนีนั้นประกอบด้วยหุ้นหลาย ๆ ตัว จึงทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนของความคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจทั้งระบบของนักลงทุน โดยทั่วไปแล้ว ดัชนีจะเป็นตัวแทนของหุ้นที่ใหญ่ที่สุดจากแต่ละภาคส่วนของเศรษฐกิจ แทนการแทนแค่หุ้นเทคโนโลยี แต่ดัชนีเป็นการรวมกันของหุ้นอุตสาหกรรม หุ้นค้าปลีก หุ้นขนส่ง และอื่น ๆ ซึ่งทำให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้น
ดัชนีประกอบขึ้นได้อย่างไร
ดัชนีอาจเป็นระดับโลก (S&P 100) ระดับภูมิภาค (Stoxx 50) ระดับประเทศ (Dow Jones Industrial Average) การคำนวณมูลค่าสามารถทำได้หลายวิธีแตกต่างกัน ขึ้นกับดัชนี บางตัวเป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักด้วยราคาตลาด (Price-weighted) ซึ่งหมายความว่าการเคลื่อนไหวของราคาในส่วนประกอบมีอิทธิพลต่อการประเมินราคาดัชนี (เช่น Dow Jones Industrial Average) ในขณะที่บางตัวเป็นดัชนีที่ถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ (Capitalization-weighted) ซึ่งหมายความว่าขนาดของบริษัทที่เป็นส่วนประกอบมีอิทธิพลต่อการถ่วงน้ำหนักในดัชนี
ตัวอย่างเช่น S&P 500 ประกอบด้วยบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา 500 บริษัทตามมูลค่าตามราคาตลาด มูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) หมายถึงราคาของหุ้นคูณด้วยจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป บริษัทจะถูกเพิ่มเข้าหรือคัดออกตามแต่วิธีการปฏิบัติของพวกเขา โดยบริษัทที่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามเกณฑ์อนุญาตการออกเสนอขายหุ้นจะถูกแทนที่ด้วยบริษัทที่มีมูลค่าสูงกว่า
ดัชนีเกี่ยวข้องกับการลงทุนอย่างไร
ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกเป็นบ้านของบริษัทที่มีการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะชนหลายพันบริษัท การวิเคราะห์แต่ละบริษัทเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน ซึ่งจะต้องใช้เวลาวิจัยนานจนนับไม่ได้ การพยายามเลือกว่าอันไหนให้ผลดีกว่าและอันไหนให้ผลต่ำกว่านั้นเป็นงานยากซึ่งท้าทายแม่แต่กับนักลงทุนมืออาชีพ โชคดีที่ดัชนีสามารถลดความซับซ้อนของกระบวนการและลดต้นทุนได้ แทนที่จะต้องซื้อและขายหุ้นแต่ละตัวของดัชนี
หนึ่งในวิธีที่ง่ายกว่าในการกระจายพอร์ตการลงทุนและหลีกเลี่ยงงานที่ยากลำบากในการวิเคราะห์ทุกบริษัทก็คือการลงทุนในดัชนี แม้ว่าผลตอบแทนอาจไม่สูงเท่ากับของบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ดัชนีก็อาจไม่อ่อนตัวมากเท่ากับหุ้นที่มีผลประกอบการแย่ที่สุด โบรกเกอร์อย่าง FXTM มีดัชนีให้เทรดเดอร์ได้เลือกมากมาย ผู้ถือบัญชี FXTM ECN Zero ที่กำลังมองหาการขยายพอร์ตการลงทุนสามารถเลือกซื้อขายดัชนีได้จากดัชนียอดนิยมมากกว่า 10 รายการทั่วโลกที่สะท้อนถึงเศรษฐกิจโลกที่ใหญ่ที่สุด
อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับดัชนี
การลงทุนในดัชนีทำให้เทรดเดอร์ได้ลงทุนในหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจ แทนที่จะลงทุนแค่ในภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่งอย่างแคบ ๆ ในขณะที่หุ้นตัวเลือกดี ๆ นั้นมา ๆ ไป ๆ ความสะดวกในการลงทุนในดัชนีทำให้เราสร้างพอร์ตการลงทุนแบบกระจายที่คุ้มค่าได้อย่างง่ายดาย ซึ่งช่วยตัดการวิจัยและวิเคราะห์ที่จำเป็นต่อการตรวจสอบแต่ละบริษัทออกไปได้จำนวนมาก