Investing.com

ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ คุณก็ไม่อาจปฏิเสธการมีอยู่ของสกุลเงินดิจิทัลได้อีกแล้ว จากวันที่บิทคอยน์เคยมีค่าอยู่เพียง 10 เซนต์ในปี 2010 มาวันนี้ในปี 2021 บิทคอยน์กลับมีมูลค่าสูงมากถึง $60,000 ต่อ 1 เหรียญบิทคอยน์ สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อวิธีคิดของผู้คนทั้งภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาครัฐอย่างมีนัยสำคัญ

การที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลมีมูลค่าตลาดรวมแล้วมากถึง $1.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่รัฐซึ่งเป็นผู้ที่คาดว่าจะเสียอำนาจจากเรื่องนี้โดยตรงจึงพยายามหาวิธีมาจำกัดการใช้งานหรือเข้าถึงสกุลเงินดิจิทัล บางประเทศอย่างเช่นจีนและอินเดีย ไม่ขอญาติดีกับสกุลเงินดิจิทัลโดยเด็ดขาดและสั่งให้ประชาชนของตนห้ามมีไว้ครอบครอง ในขณะที่บางประเทศบิทคอยน์กลับมีมูลค่าที่เชื่อถือได้มากกว่าสกุลเงินประจำชาติของพวกเขาเสียอีก

ท่ามกลางการเติบโตของเทคโนโลยีที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและกิจกรรมในทุกภาคส่วนโดยเฉพาะการเงิน ทำให้รัฐบาลและสภาบันการเงินหลายแห่งทั่วโลกยังไม่มีวิธีที่จะจัดการกับสกุลเงินดิจิทัลให้เป็นไปตามหลักสากล ภาครัฐและประชาชนยังคงต้องต่อสู้กันต่อไปเพื่อหาจุดกึ่งกลางระหว่างการควบคุมและเสรีภาพให้ได้มากที่สุด 

ในฐานะที่ผมเป็นนักลงทุนมานาน ผมมีความสนใจและเคารพในหลักการกับวิธีคิดของคริปโตเคอเรนซี่ แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็ไม่อาจเลิกนิสัยนักลงทุนในแบบดั้งเดิมของผมที่เชื่อว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะมีค่าขึ้นมาได้ สิ่งๆ นั้นต้องมีมูลค่าในตัวเอง สำหรับคริปโตเคอเรนซี่นั้นผมไม่ได้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล แต่ผมลงทุนในเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังสกุลเงินดิจิทัล 

หนึ่งในกลไกสำคัญที่ผมมองว่ามีความสำคัญไม่แพ้บล็อกเชนหรือสกุลเงินดิจิทัลเลยนั่นก็คือตัวกลางการแลกเปลี่ยน (exchange) ซึ่งในบทความนี้ผมขอพูดถึงบริษัทตัวกลางการแลกเปลี่ยนแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกานาม “คอยน์เบส (Coinbase)” ที่กำลังจะกระทำการเปิดให้มีการซื้อขายเป็นครั้งแรกให้กับประชาชนโดยทั่วไปและมีการจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หรือที่คนในวงการเรียกการจดทะเบียนนี้กันสั้นๆ ว่า “ไอพีโอ (IPO)”

สถานการณ์ตลาดสกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบัน

ตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ล่วงหน้าเริ่มต้นเปิดให้ลงทุนบนตลาด CME ได้ในช่วงปลายปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับตอนที่บิทคอยน์วิ่งขึ้นมาจนเกือบแตะ $20,000 ได้เป็นครั้งแรก

ที่มา: CQG

ในขณะที่ราคาซื้อขายบิทคอยน์สปอตไม่สามารถขึ้นมาแตะ $20,000 ได้ แต่ราคาซื้อขายบิทคอยน์ล่วงหน้ากลับสามารถขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดที่ $20,650 ได้ในเดือนธันวาคมปี 2017 ตามรูปประกอบ จากนั้นบิทคอยน์ก็เข้าสู่ขาลงอย่างอย่างรุนแรงและใช้เวลาพักฐานนานกว่าสามปี ราคาซื้อขายบิทคอยน์ล่วงหน้าเคยวิ่งลงไปต่ำถึง $3,120 ในเดือนธันวาคมปี 2018 ก่อนจะค่อยๆ ปรับตัวกลับขึ้นมา มีจุดต่ำสุดที่ $4,210 ในเดือนมีนาคมปี 2020 และปรับตัวขึ้นเรื่องมาจนมาอยู่ที่ $59,550 ในเดือนมีนาคมปี 2021 

นอกจากบิทคอยน์แล้ว อีกหนึ่งสกุลเงินที่ได้รับการยอมรับจาก CME คือสกุลเงินดิจิทัลอันดับสองที่มีชื่อว่าอีเธอเรียม(Ethereum) ซึ่งสกุลเงินนี้เปิดให้ทำการซื้อขายล่วงหน้าบน CME ได้ภายใต้ชื่ออีเธอเรียมล่วงหน้า กราฟอีเธอเรียมล่วงหน้าเคยสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $1,981.50 และสร้างจุดต่ำสุดเอาไว้ที่ $1,371 

สำหรับผู้ที่ไม่ทราบ สกุลเงินดิจิทัลบนโลกนี้ไม่ได้มีแต่เฉพาะบิทคอยน์และอีเธอเรียมเท่านั้น แต่ยังมีสกุลเงินดิจิทัลมากมายอยู่อีกตั้ง 8,700 สกุลเงินซึ่งการจะทำซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลได้นั้น นักลงทุนต้องดำเนินการผ่านตัวกลางการแลกเปลี่ยน (ต่อไปนี้ในบทความขอแทนด้วยคำว่า exchange) ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถลงทุน แลกเปลี่ยน หรือเก็บเหรียญไว้เพื่อสะสมมูลค่าบน exchange ได้ คอยน์เบสถือเป็นหนึ่งใน exchange ชื่อดังของวงการ เป็นตัวแทนของสหรัฐอเมริกา มีศูนย์ใหญ่อยู่ที่เมืองซาน ฟรานซิสโก

ที่คอยน์เบสนั้นเปิดให้นักลงทุนสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลได้หลากหลาย มีประวัติการดำเนินกิจการมายาวนานจนในที่สุดก็ได้เตรียมแผนที่จะ IPO จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอย่างเป็นทางการ คาดว่าเงินที่คอยน์เบสจะใช้ในช่วง pre-IPO จะอยู่ระหว่าง $90,000 - $100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คอยน์เบสจะถูกจดทะเบียนขึ้นไปอยู่บนดัชนีแนสแด็ก ใช้อักษรย่อว่า “COIN” ส่วนวันที่จะขึ้นแนสแด็กนั้นยังไม่เปิดเผย

Coinbase เป็น exchange เหมือนกับ CME และ ICE

คอยน์เบสถือเป็น exchange ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง มีเงินหมุนเวียนอยู่ใน exchange ประมาณ $3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ กินส่วนแบ่งทางการตลาดจาก exchange อื่นๆ ในวงการคริปโตฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ

อันที่จริง Coinbase นั้นเป็นเพียงแพลตฟอร์มที่เปิดพื้นที่ให้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลเหมือนกับ CME (NASDAQ:CME)) และ Intercontinental Exchange (Intercontinental Exchange Inc (NYSE:ICE)) เพราะเป็นพื้นที่ส่วนกลางเหมือนกัน ดังนั้นเราจึงคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่วันเปิดให้ซื้อขายหุ้นของคอยน์เบสวันแรก กราฟหุ้นของคอยน์เบสมีโอกาสปรับตัวลดลงเหมือนกับวันที่ CME และ ICE เปิด IPO สู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก 

ที่มา: Barchart

ตลาด CME เปิดให้มีการซื้อขายครั้งแรกในเดือนธันวาคมปี 2002 มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $7.80 ต่อหุ้นในขณะนั้น ล่าสุดหุ้น CME มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $206.58 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม มีมูลค่าตลาดรวมแล้วทั้งสิ้น $75,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: Barchart

ตลาด ICE เปิดให้มีการซื้อขายครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนปี 2005 มีราคาซื้อขายครั้งแรกอยู่ที่ $7.80 ล่าสุดหุ้น ICE มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $113.70 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม มีมูลค่าตลาดรวมแล้วทั้งสิ้น $64,400 ล้านเหรียญสหรัฐ

ช่องทางทำกำไรของ Coinbase

คอยน์เบสไม่เก็บเงินค่าธรรมเนียมสำหรับลูกค้าที่เก็บสกุลเงินดิจิทัลเอาไว้บนวอลเล็ต (wallet) ของคอยน์เบส แต่จะเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อมีการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล 0.50% โดยที่อัตราอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพตลาด

กำไรหลักๆ ของคอยน์เบสมาจากการขายสินค้าโดยร้านขายปลีกหรือตัวแทนจะเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์กับผู้ที่ต้องการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน เรียกว่าเป็นเพย์พาล (PayPal) ของสกุลเงินดิจิทัลก็เข้าใจได้ การใช้งานบัตรคอยน์เบส (Coinbase Card) คล้ายกับบัตรวีซ่าที่เป็นบัตรเดบิต และการแลกเปลี่ยนจากสกุลเงินธรรมดาหรือคริปโตฯ ไปเป็นยูเอสดีคอยน์ (USD Coin) ซึ่งเป็นสเตเบิ้ลคอยน์ประเภทหนึ่ง

ความเสี่ยงของ Coinbase

แม้ว่าเงิน $90,000 - $100,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่ตั้งเอาไว้จะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ CME และ ICE แต่การที่ตลาดคริปโตเคอเรนซี่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีก็ไม่รับประกันว่าวันหนึ่งคอยน์เบสอาจจะกลายเป็นแชมป์คนใหม่ก็เป็นได้ หากนักลงทุนมองว่าตลาดสกุลเงินดิจิทัลกำลังจะกลายเป็นน่านน้ำแห่งการลงทุนใหม่ แล้วทำไมพวกเขาจะไม่อยากถือหุ้นของ exchange เบอร์ต้นๆ ของสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ความจริงหนึ่งที่ต้องยอมรับคือการเติบโตของหุ้นคอยน์เบสจะแปรผันตามมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลด้วย อย่างที่เราทราบกันดีว่าสกุลเงินดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง แม้แต่ตัวบิทคอยน์เองยังปรับตัวขึ้นลงได้วันละ $6,000-$7,000 ดังนั้นต้องทำใจไว้ด้วยว่ามูลค่าหุ้นคอยน์เบสที่ขึ้นหรือลงวันละ 5.51% อาจกลายเป็นเรื่องปกติของการถือหุ้นคอยน์เบส

จากที่ประเมินในตอนนี้ มีสองความเป็นไปได้ที่จะทำให้มูลค่าของหุ้นคอยน์เบสหมดลงอย่างรวดเร็ว หนึ่งคือตลาดสกุลเงินดิจิทัลถูกแทรกแซงได้ หรือเรียกอีกอย่างคือบล็อกเชนของบิทคอยน์มีปัญหาจนนำไปสู่การถูกแฮกบล็อกเชนได้จริงๆ และสองคือฝั่งผู้วางกฎหมายจะมีกฎหมายที่เข้มงวดกับคริปโตฯ มากขึ้นซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานของคอยน์เบส ในทางกลับกัน ถ้าคอยน์เบสได้รับการยอมรับจากเหล่าผู้วางกฎหมาย เครดิตของคอยน์เบสก็จะเพิ่มสูงขึ้นทันที 

ETF จะเป็นตัวเร่งให้ราคาหุ้นของ Coinbase ให้แรงขึ้น

เราได้เห็นกันมาแล้วว่าเมื่อบิทคอยน์และอีเธอเรียมได้เข้าสู่ตลาดซื้อขายล่วงหน้า มูลค่าของสกุลเงินทั้งสองนั้นเพิ่มขึ้นมากขนาดไหน ขั้นต่อไปหลังจากการเข้าตลาดฟิวเจอร์สแล้วคือการเข้าสู่โลกของกองทุน ETF และ ETN กองทุนทั้งสองถือเป็นกองทุนที่มีสภาพคล่องสูงเพราะนักลงทุนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามจะสามารถเข้าถึงบิทคอยน์และอีเธอเรียมได้ง่ายขึ้นโดยที่เจ้าของเงินยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังถือบิทคอยน์อยู่ 

ในขณะเดียวกันการเปิด IPO ของคอยน์เบสก็จะทำให้ความต้องการสกุลเงินดิจิทัลและหุ้นคอยน์เบสเองเพิ่มมากขึ้น และคอยน์เบสจะได้ชื่อว่าเป็น exchange แรกของสกุลเงินดิจิทัลที่ได้จดทะเบียนซื้อขายบนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ข้อดีที่สุดประการหนึ่งของการถือหุ้นคอยน์เบสก็คือ ไม่ว่าสกุลเงินใดจะขึ้นหรือลงก็ตาม คอยน์เบสก็จะทำกำไรได้จากค่าคอมมิสชันอยู่ดี