ถึงแม้ บิทคอยน์ จะเริ่มต้นโดยไม่มีค่าอะไร แต่ทุกอย่างมีการเติบโตได้ วันนี้ Bitcoin กำลังวิวัฒนาการต่อหน้าพวกเรา จากการเคยเป็น สินทรัพย์เก็งกำไร กลายเป็น สินทรัพย์ในงบดุลบริษัทชั้นนำต่างๆของโลกแล้ว
อยากให้ทุกท่านที่ยังไม่เคยลงทุนใน Bitcoin ลองเปิดใจอ่านบทความดูซักนิด
ตอนนี้ทุกคนคงทราบแล้วว่า Tesla (NASDAQ:TSLA) ได้เปลี่ยนเงินสดของบริษัทกว่า 10% ไปถือเป็น Bitcoin แทนแล้ว แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะไม่ทราบ คือนี่ไม่ใช่แค่ Elon Musk นั้นบ้าไปเอง แต่มันกำลังอาจจะมาเป็นเทรนด์ของบริษัทในสหรัฐจริงๆที่จะเริ่มทำตามกัน
1️. Michael Saylor ผู้ก่อตั้งและเป็น CEO ของบริษัท MicroStrategy นั้นกำลังทำงานอย่างหนักมาก เขากำลังออกสื่อทุกวันเพื่อพยายามชี้แนวทางและชักชวนให้เพื่อนๆบริษัทในสหรัฐให้ต่างหันมาถือ Bitcoin แทนเงินสดกันมากขึ้นบ้าง (Saylor นั้นออกสื่อบ่อยจนผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาเอาเวลาที่ไหนไปบริหารงานในบริษัท)
2️. MicroStrategy เป็นบริษัทแรกๆที่ได้เปลี่ยนการถือเงินสดมาเป็น Bitcoin ไปช่วงประมาณกลางปีที่แล้ว หลังจากนั้นก็มีบริษัท Fintech ดังๆมากมายค่อยๆทยอยเปลี่ยนเงินสดมาถือ Bitcoin แทนกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Square และ Paypal ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และในที่สุด Tesla ก็เป็นบริษัท Top 10 แรกของโลกที่ได้ทำการเปลี่ยนมาถือ Bitcoin เช่นกัน
3️. ทาง Michael Saylor นั้นได้คอยจัดงานสัมมนาและสอนให้ฝ่ายการเงินของบริษัทต่างๆอยู่เรื่อยๆ ให้ทุกคนเข้าใจว่าการถือ Bitcoin ในบัญชีนั้น เป็นเรื่องที่จะช่วยกระจายความเสี่ยง ออกจากการพิมพ์แบงค์ออกมารัวๆของธนาคารกลางสหรัฐ
4️. ทาง Saylor นั้นเข้าใจ Network Effect ของ Bitcoin เป็นอย่างดี เขาเข้าใจว่าถ้าบริษัทต่างๆในสหรัฐต่างเดินเข้ามาในโลกของ Bitcoin จริงๆ มันก็จะยิ่งสร้างเสถียรภาพให้กับระบบการรับจ่ายเงินของ Bitcoin มากขึ้น เขาจึงได้เร่งพยายามโปรโมทเรื่องนี้อยู่ทุกวัน
5️. อย่างที่ทางเพจเคยบอกครับ คนๆนี้น่ากลัวมาก ต้องจับตาไว้เลย เขาอาจจะไม่ได้เป็นคนสร้าง Bitcoin แต่เขาอาจเป็นคนที่มาทำให้ Bitcoin กลายเป็นเงินที่แท้จริง
ต้องยอมรับว่าทางบริษัทฝรั่งมีความเข้าใจและยอมรับ Bitcoin มากกว่าประเทศเรา
6️. จากที่ผมได้อ่านหลายๆคอมเม้นท์บทเพจแล้ว แอดต้องยอมรับเลยว่าความเข้าใจและความยอมรับใน Bitcoin ของประเทศเรากับทางต่างชาตินั้นยังค่อนข้างต่างกัน
7️. อาจเป็นเพราะในต่างประเทศนั้นเขากำลังรับรู้ได้ถึงการอ่อนค่าลงของเงินสดสกุลดอลล่าร์สหรัฐที่เขาถืออยู่จริงๆ ยิ่งวันยิ่งมีการพิมพ์เงินออกมามากขึ้นเท่าไหร่ ก็หมายความว่ามูลค่าของเงินสดที่เขาถืออยู่กำลังด้อยค่าลงทุกวันไปด้วย ทุกบริษัทกำลังรับสึกได้ถึงปัญหานี้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะบริษัทที่ต้องทำการซื้อขายของจากต่างชาติ (ซึ่งบริษัทใหญ่ๆใน S&P 500 นั้นต่างต้องมีการดีลกับต่างชาติอยู่แล้ว)
อย่างบริษัท Apple (NASDAQ:AAPL) ที่กำลังตกเป็นข่าวว่ากำลังจะเปลี่ยนเงินสดมาเป็น Bitcoin ก็กำลังโดนกดดันจากการที่เงินสด 2 แสนล้านเหรียญ (ุ60 ล้านล้านบาท) กำลังด้วยค่าลงทุนวันไปด้วย
8️. ทำให้ถึงแม้ในประเทศไทยเราอาจจะคิดว่าการถือ Bitcoin นั้นเป็นความเสี่ยง แต่พวกฝรั่งเขาไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย และนี่คือข้อดีของ Bitcoin ที่ไม่ได้กำหนดว่าประเทศไหนจะยอมรับหรือไม่ หากว่ายังมีคนใช้มากขึ้นเรื่อยๆ การยอมรับและราคาก็จะสูงขึ้นไปตามกัน มันเป็นระบบ Decentralized ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครประเทศหนึ่ง
(รายละเอียดของบริษัทที่เปลี่ยนเงินมาเป็น Bitcoin แล้วและเป็นปริมาณเท่าไหร่ แนบไว้ให้ในคอมเม้นท์)
ผมอยากแนะนำให้ทุกท่านที่ไม่เชื่อว่าจะมีบริษัทอื่นๆหันมาลงทุนบน Bitcoin อีก ให้ลองเปิดข่าวการเงินในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นดู
9️. หากลองดูการสัมภาษณ์จาก CNBC, Reuters, Bloomberg เราจะสังเกตเห็นได้เลยว่า หลายบริษัทไม่ได้กลัวเรื่องความผันผวนของราคา Bitcoin เลย ! พวกเขากลับกังวลถึงเรื่องค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่ามากกว่า โดยเฉพาะการอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะตามมาอีกเรื่อยๆ !
10. แอดขอเตือนเลยว่า ถึงแม้ก่อนหน้านี้หลายท่านอาจจะคิดว่า Bitcoin นั้นขาดเสถียรภาพ และเป็นเรื่องของการปั่นราคา ? ถ้าเป็นเมื่อ 2-3 ปีก่อนนั้นอาจจะใช่ครับ แต่โทนของ Bitcoin ในเวลานี้นั้น กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
11.และถึงแม้ Bitcoin จะเริ่มจากสิ่งที่ไม่มีมูลค่า แต่การที่ Tesla และบริษัทอื่นๆยอมจ่ายเงินมันซื้อถึงเหรียญละ 1.2 ล้านบาทนั้นแปลว่ามันกำลังมีมูลค่าจริงขึ้นมาแล้ว และกำลังมีบริษัทอื่นๆที่เดินตามมาทางนี้
เรากำลังเห็น Bitcoin เติบโตต่อหน้าเรา และกำลัง Evolve เปลี่ยนสถานะจากสินทรัพย์เก็งกำไร กลายเป็นสินทรัพย์ในงบดุลบริษัทชั้นนำต่างๆของโลกแล้ว มันกำลัง Evolve จริงๆนะครับ แอดจึงแค่อยากมาเตือนไว้ว่า
“อย่าเอาความรู้ของ Bitcoin ในวันก่อนมาตัดสิน Bitcoin ในวันนี้”
ทางเพจเข้าใจว่านักลงทุนสาย VI ดั้งเดิมหลายคนอาจจะยังมองอยู่ว่า Bitcoin นั้นเป็นเรื่องตลก
12. นั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ครับ เพราะแม้แต่นักลงทุนในตำนานอย่าง Warren Buffett ยังมีความคิดเช่นนั้น ทำให้การพยายามเชื่อ Evolution หรือการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าเรานั้นจึงเป็นเรื่องยาก
13. ทางเพจมีความคิด ที่อยากเป็นสะพานเชื่อมจากนักลงทุนดั่งเดิม ให้ข้ามมาเข้าใจฝั่งนักลงทุนฝั่ง Cryptocurrency มากขึ้นด้วย อะไรที่เคยเป็นจริงในอดีตไม่จำเป็นจะต้องเป็นจริงในอนาคตเสมอไป
14. จากการศึกษาของ Ark Invest หากบริษัทใน S&P500 เปลี่ยนเงินสดในงบ 1% กลายเป็น Bitcoin จะสามารถทำให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นได้ 2 เท่า !
แต่ถ้าบริษัทใน S&P500 เปลี่ยนเงินสดในงบ 10% กลายเป็น Bitcoin จะสามารถทำให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นได้เป็น 10 เท่า !
15. Ark ยังเชื่ออีกว่าการดีดตัวขึ้นของราคา Bitcoin ในครั้งนี้มาจากปัจจัยพื้นฐานที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้มาจากการที่กลุ่มคนรุมซื้อเพียงเพราะพยายามจะเกาะกระแสเท่านั้น
จากการดูสถิติของ Google (NASDAQ:GOOGL) นั้น มีคนกำลังค้นหาคำว่า Bitcoin บน Google น้อยลงหว่าในปี 2017 ถึง 15% ทั้งๆที่ราคาสูงกว่าเดิมถึง 2 เท่า
16. หลายท่านในไทยคนเริ่มรู้จักกองทุน Ark Invest กันแล้ว ที่ทำผลตอบแทนได้สูงกว่า 150% ในปีที่ผ่านมา ทาง Cathie Wood และ Ark มีความเชื่อในการเติบโต Bitcoin เป็นอย่างมาก
ทางเพจไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับราคา Bitcoin , ราคาหุ้น Tesla หรือแม้แต่ราคากองทุน ARK แต่อย่างใด
ทางเพจเพียงต้องการจะเป็นเสียงๆนึงที่จะช่วยให้นักลงทุนในไทย ทันโลก มากขึ้น และจะพยายามอย่างยิ่งในการนำข่าวสารและโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ มาวิเคราะห์ให้ฟังอยู่เสมอ เพื่อที่ทุกท่านจะได้
"Stay on the right side of Change"
นักลงทุนท่านใดที่อยากจะลองข้ามสะพานมาลงทุนใน Crypto Currency แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มลงทุนเลยดีไหม ?
ลองเริ่มลงทุนในบริษัทที่ถือ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ก่อนไหมครับ ?
เพราะอย่างน้อยถ้าราคา Bitcoin ขึ้นทางนักลงทุนก็จะสามารถได้รับผลตอบแทนจากตรงนี้ด้วย แต่ถ้าราคา Bitcoin จะร่วงอย่างน้อยคุณก็กำลังเป็นเจ้าของธุรกิจที่แข็งแกร่งอยู่
ทางเราเชื่อว่าการที่บริษัทเปลี่ยนสินทรัพย์มาถือเป็น Bitcoin กำลังอาจเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจ เราจึงได้ตั้งกลุ่ม LINE ขึ้นมาติดตามเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทำให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องถือ Bitcoin เอง แต่ยังสามารถได้ผลประโยชน์จากราคาขึ้นของ Bitcoin ได้
ติดตามข่าวสารการลงทุนที่น่าสนใจไปกับ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP