CENTEL, PRM, SYNEX
Another bold step from Fed

- : คาดตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดในแดนบวก ขานรับมาตรการเชิงรุกจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (รายละเอียดด้านล่าง) ซึ่งอาจจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องรอบใหม่ให้กับระบบในส่วนของกระแสทุนต่างชาติยังคงหลบเข้าตลาดตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยไปอีก 2.2 พันล้านบาท โดยเป็นตราสารหนี้ระยะยาวแทบทั้งหมด สะท้อนถึงความน่าสนใจของตราสารหนี้ไทยในมิติ ‘อัตราผลตอบแทนแท้จริง’ สำหรับปัจจัยวันนี้ แนะนำติดตาม 1) ผลการประชุม BoJและ 2) การตอบคำถามของนาย Jerome Powell ต่อวุฒิสภาของสหรัฐฯ
- Tactical: ในเชิงกลยุทธ์ สำหรับผู้ที่ลดพอร์ตไปแล้วที่บริเวณดัชนี 1420-1450 จุดตามที่เราแนะนำ สามารถถือครองหุ้นในส่วนที่เหลือซึ่งเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยจากปัจจัยภายนอกอยู่แล้ว และชะลอการลงทุนจนกว่าดัชนีจะตกลงมาในกรอบบริเวณแนวรับ 1300-1330 จุดที่เราให้ไว้ จึงค่อยทำการเพิ่มน้ำหนักหุ้นรอบใหม่ โดยกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจยังคงเป็นกลุ่มที่เรามองว่ามี Valuation ถูกอย่าง BANKและPROPรวมถึงหุ้นในกลุ่ม Bunker stock ที่เราแนะนำตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มโรงไฟฟ้า, กลุ่ม ICT, กลุ่ม Mass transit, กลุ่ม AMC, และกลุ่มอาหาร
- Fed: ธนาคารกลางสหรัฐฯประกาศเมื่อคืนนี้ว่าจะเริ่มต้นการซื้อสินทรัพย์จำพวกตราสารหนี้เอกชนในตลาดรองภายใต้โครงการ ‘Secondary Market Corporate Credit Facility” (SMCCF) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทเอกชนทั้งหลาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ทำการเข้าซื้อผ่านเพียงแค่กองทุน ETF เท่านั้น โดยการเข้าซื้อจะกระทำตามดัชนีที่ทาง Fed ได้จัดทำขึ้นทั้งนี้หลังจากประกาศดังกล่าวออกมา ราคา ETF ของกองทุนตราสารหนี้สหรัฐฯขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นทันทีเกือบ 2% (ดูรูป) รวมทั้งทำให้ค่าประกันความเสี่ยงพันธบัตร (CDS) ของตราสารหนี้ Investment grade ในสหรัฐฯลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
- Balance sheet: เราจะเฝ้าติดตามในช่วงถัดไปว่า Fed จะดำเนินการซื้อสินทรัพย์ผ่านโครงการนี้ด้วยความเร็วขนาดไหน ซึ่งถ้าหากทำในอัตราเร่ง คาดว่าจะทำให้ขนาด Balance sheet ของ Fed ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับน่าสนใจอีกครั้ง และอาจทำให้นักลงทุนคลายความกังวลทางด้านปัจจัยสภาพคล่องไปได้โดยล่าสุด วงเงินของโครงการ SMCCF นี้ที่ตั้งอยู่ที่ 250,000 แสนล้านเหรียญฯ ถูกใช้ไปเพียง 5,500 ล้านเหรียญฯเท่านั้นเอง
- SET50/SET100: ตลาดหลักทรัพย์ประกาศรายชื่อหุ้นที่เตรียมถูกนำเข้า/ตัดออกจากดัชนี SET50/SET100 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในช่วงครึ่งปีหลัง มีผลดังนี้
- หุ้นที่ถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ได้แก่ BBP, TTW (เป็นไปตามที่เราคาด)
- หุ้นที่ถูกถอดออกจากดัชนี SET50 ได้แก่ BANPU, DELTA (สำหรับ DELTA ถูกถอดออกแทน WHA ที่เราคาดไว้ สะท้อนถึงการปรับเกณฑ์ Turnover ที่เข้มข้นขึ้นเมื่อเทียบกับครั้งก่อน)
- หุ้นที่ถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET100 ได้แก่ AAV, ACE, DOHOME, RBF, SIRI, TVO, WHAUP(ในกลุ่มนี้มีเพียงตัวเดียวที่ผิดคาดก็คือAAVซึ่งเข้ามาแทนตัวของ SISBที่เราคาดไว้)
|
หุ้นที่ถูกถอดออกจากดัชนี SET100 ได้แก่ BGC, DELTA, MBK, PSL, STPI, THAI, THG (ในกลุ่มนี้มีเพียงตัวเดียวที่ผิดคาดก็คือ
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities
....
ห้ามพลาดครับ