Markets Overview
ตลาดสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ปรับตัวลง จากความกังวลของตลาดจากการ แพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่จะเป็นปัจจัยกดดันการเติบโต ของเศรษฐกิจ ฉุดหุ้นเกือบทุกกลุ่มปรับตัวลง โดยเฉพาะ กลุ่มการเงิน สายการบินและค้าปลีก รวมถึงรายงานตัวเลขผู้ที่ยื่นขอรับสวัสดิการ ว่างงานเป็นครั้งแรกซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก ด้าน ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดมาในแดนลบ เช่นกัน
Our Commentary
การปรับตัวลงของตลาดวานนี้มีปัจจัยกดดันจากตัวเลขผู้ติดเชื้อจาก การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่อย่างเดลต้าที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างมีนัยยะในหลายประเทศทั่วโลก อย่างในสหรัฐอเมริกา พบผู้ติดเชื้อ สายพันธุ์เดลต้ามากกว่าครึ่งของยอดผู้ติดเชื้อรวม หรือในสหราช อาณาจักร ที่มีรายงานผู้ติดเชื้อเมื่อวานนี้กว่า 30,000 คน สูงที่สุดตั้งแต่ ต้นปี • ส าหรับภาพรวมการฉีดวัคซีน ประเทศที่ประชากรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสมากที่สุดคือ สหราชอาณาจักรอยู่ที่เกือบ 70 % ในขณะที่ทาง สหรัฐฯและสหภาพยุโรปอยู่ที่ประมาณ 55% ส่วนประเทศที่มีอัตราการ ฉีดวัคซีนที่ค่อนข้างน้อยอย่างญี่ปุ่น ที่มีเพียง 25% ก าลังเผชิญปัญหา การเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดในรอบ 2เดือน • ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรอบใหม่ในกรุงโตเกียว โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ที่ 12 ก.ค.นี้ และจะบังคับใช้ยาวไป จนถึงวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งหมายความว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกใน กรุงโตเกียว ระหว่างวันที่ 23 ก.ค. - 8 ส.ค. จะอยู่ภายใต้มาตรการ ฉุกเฉินทั้งหมด รวมถึงมีการออกมาตรการห้ามมีผู้ชมในการแข่งขันกีฬา อีกด้วย • ด้านประเทศจีนยังคงเดินหน้าใช้มาตรการคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนที่เราชื่นชอบอย่าง Nio (NIO US) และ Taiwan Semiconductor (TSM US) บริษัทผู้ผลิตชิพ เจ้าใหญ่ของโลก ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการปรับใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
Stock Alert
Bank of America Corp (NYSE:BAC) • ราคาหุ้นปรับตัวลง 2.44% หลังตลาดมีความกังวลต่อสถานการณ์โค วิดสายพันธุ์ใหม่ กดดันให้หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลง ทั้งนี้ต้องจับตา รายงานประกาศงบการเงินไตรมาส 2 สัปดาห์หน้า
Today’sTop Picks
TSMC (TSM US) เตรียมประกาศงบ 2Q21 ในวันที่ 15 ก.ค. นี้ โดย Bloomberg คาด ยอดขายอาจโตน้อยกว่าที่คาดจากสถานการณ์ชิพขาดแคลน อย่างไรก็ดี มองว่า 2H21 ยอดขายจะฟื้นตัวได้จากการออก iPhone รุ่นใหม่ของ Apple (NASDAQ:AAPL) รวมถึงการฟื้นตัวของความต้องการใช้ชิพเพื่อการผลิตรถยนต์ อีก ทั้งชิพที่ใช้ประมวลผลใน High-performance Computing โดยเฉพาะที่ใช้ ในอุตสาหกรรม Cryptocurrencies ยังเป็นที่ต้องการอยู่มาก โดยผล ประกอบการ 2Q21 นี้ต้องจับตาเรื่องการเผยความคืบหน้าด้านการผลิต ชิพ 3 นาโนเมตรและคาดการณ์ยอดขายไตรมาสถัดไป เรามองว่าประเด็น เรื่องชิพขาดแคลนได้สะท้อนไปในราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาแล้ว • TSMC ยังครองส่วนแบ่งการตลาดอุตสาหกรรมผลิตชิพอันดับ 1 ของโลก กว่า 90% ซึ่งก าลังผลิตยังคงมีอยู่มากและได้ลงทุนขยายโรงงานเพิ่มเติมใน สหรัฐฯและจีน เพื่อรองรับความต้องการที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามา ของ 5G การปรับใช้ AI รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัทได้วางแผนลงทุน กว่า 2.8 หมื่นล้านเหรียญฯสหรัฐฯในปี 2021 สูงกว่าการลงทุนปีก่อนหน้า ถึง 63% • จุดเด่นคือ TSMC มีเทคโนโลยีที่ล้ าสมัยสามารถผลิตชิพที่มีขนาดเล็กและ ทรงประสิทธิภาพ ท าให้หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ได้ใช้ TSMC เป็นคนที่ผลิต ชิพให้มากกว่าที่ตนเองจะลงทุนสร้างโรงงานและน าเทคโนโลยีการผลิตชิพ มาใช้เอง โดยลูกค้าหลักๆได้แก่ Apple MediaTek Intel และ AMD • หลังราคาปรับตัวลงจากจุดสูงสุดกว่า 16% จากความกังวลเรื่องขาด แคลนชิพ เรามองว่าประเด็นนี้น่าจะคลี่คลายไปบ้างแล้ว ท าให้ราคาหุ้นยังมี Upside อ ยู่ ม าก รา ว 2 3% โ ด ย Bloomberg Consensus ให้ ราค า เป้าหมายที่ 146.18$
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities