ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ยังสำคัญจริงหรือ ?

โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management

ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 15 พฤษภาคม 2019

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ในวันอังคาร แต่ขาดปัจจัยหนุนที่มีนัยสำคัญด้านค่าเงิน เป็นสัญญาณว่านักลงทุนฟอเร็กซ์ไม่ได้คิดในแง่บวกเหมือนกันทั้งหมด การซื้อขายดอลลาร์สหรัฐมีปริมาณสูงขึ้นเนื่องจากเชื่อว่าไม่เพียงใช่สหรัฐฯ เท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบจากการเจรจาทางการค้า แต่ประเทศอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่อาจไม่ถูกต้องนักหากจะคิดว่าผู้บริโภคและภาคธุรกิจในสหรัฐฯ จะหนีความเสี่ยงนี้ได้ รายงานยอดค้าปลีก เมื่อวันพุธคือหนึ่งในข้อมูลสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ ตัวเลขการใช้จ่ายเป็นปัจจัยสำคัญของเศรษฐกิจ ณ ขณะนี้ เนื่องจากเป็นปัจจัยชี้วัดการเติบโตของเศรษฐกิจ หากไม่มีการเติบโต ผู้คนก็จะไม่มีงานทำ อย่างไรก็ตาม ยอดขายปลีกที่รายงานออกมาในเดือนนี้อาจไม่มีความสำคัญเท่าใดนักเนื่องจากปริมาณการใช้จ่ายในเดือนเมษายนไม่สะท้อนกับอุปสงค์ที่เกิดขึ้นเท่าใดนัก นับตั้งแต่เหตุการณ์หุ้นตก 1,000 จุดในเดือนนี้จนมาถึงความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลงไปจนถึงเดือนหน้า จากข้อมูลดังกล่าว เมื่อปริมาณงานที่คงที่ ประกอบกับค่าจ้างและราคาแก๊สที่เพิ่มขึ้นน่าจะช่วยให้ยอดขายปลีกเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน แต่มีการคาดหมายไว้เพียง 0.2% ซึ่งค่อนข้างต่ำ หากการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 0.5% USD/JPY ก็จะฟื้นตัวได้แต่ก็อาจจะตกลงมาอยู่ต่ำกว่า 110 จากความไม่แน่นอนในการเจรจาทางการค้าที่เกิดขึ้นล่าสุดน่าจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดความเชื่อมั่นลงและนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจในที่สุด

เราเริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างได้จาก ยูโร แม้ว่าล่าสุดจะมีตัวเลขที่ดีขึ้นแต่นักวิเคราะห์ยังคงกังวลว่าจะมีการชะลอตัวในอนาคต ความคาดหวังจากผลสำรวจของ ZEW ของเยอรมัน เกิดความพลิกผันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมาและน่าจะย่ำแย่ลงอีกหากยุโรปได้รับผลกระทบซ้ำจากภาษีด้านยานยนต์ ภายในสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีทรัปม์จะเปลี่ยนเป้าหมายไปยังยุโรปหลังจากที่เพิ่งประกาศใช้อัตราภาษีใหม่กับจีน ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะตัดสินใจเรื่องภาษีรถยนต์ภายในวันที่ 18 พฤษภาคม อุตสาหกรรมรถยนต์ในยุโรปซึ่งมีมูลค่าถึง 50,000 ล้านเหรียญกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงหากทรัมป์ตัดสินใจที่จะปรับใช้ภาษีใหม่ ก่อนหน้านี้ 3 เดือนกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งรายงานฉบับหนึ่งให้กับทรัมป์ที่แสดงถึงระดับภาษีที่เหมาะสมโดยอ้างอิงจากความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก จึงเป็นมูลเหตุให้ทรัมป์กำหนดเส้นตาย 90 วันไว้สำหรับการตัดสินใจนี้ ชาวยุโรปและนักลงทุนต่างภาวนาให้ทรัมป์เลื่อนกำหนดการปรับภาษีออกไป แต่อีกกรณีหนึ่ง ทรัมป์อาจซ้ำเติมยุโรปด้วยการเพิ่มอัตราภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนให้สูงถึง 25% ก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีโอกาสสูงที่นักลงทุนในเงินยูโรจะเริ่มลดความเสี่ยงลงก่อนถึงกำหนดดังกล่าว

สกุลเงินที่อ่อนตัวลงแรงที่สุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาคือ สเตอร์ลิง ซึ่งปรับตัวลดลงตามการลดลงของตลาดแรงงาน จำนวนผู้ว่างงาน ในเดือนเมษายนเพิ่มสูงขึ้น แต่ปัญหาที่แท้จริงคือรายได้ การเติบโตของรายได้เฉลี่ยรายสัปดาห์ ชะลอตัวลงจาก 3.5% ในเดือนมีนาคมเป็น 3.2% ตลาดแรงงานมีการพลิกผันไปในทิศทางที่แย่ลงและอาจถดถอยลงไปอีกเพราะ Brexit ทำให้การลงทุนทางธุรกิจน้อยลง

สกุลเงินต่างๆ ได้รับการจับผสมปนเป ส่วน AUD กับ NZD ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากข้อมูลใดๆ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ในออสเตรเลียมีค่าลดลง ในขณะที่ยอดขายที่อยู่อาศัยในนิวซีแลนด์ก็ลดต่ำลงเช่นกัน ค่าเงิน ดอลลาร์แคนาดา ฟื้นตัวกลับมาได้หลังจากที่ราคาที่อยู่อาศัยและ น้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดัชนีราคาผู้บริโภค จะมีการประกาศให้ทราบในวันพุธนี้และหากเป็นไปตามข้อมูลของ IVEY ราคาน่าจะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่ทั้ง 3 สกุลก็ยังคงมีแนวโน้มขาลงอยู่เนื่องจากมีการเทขายออกไปมากแล้วจึงทำให้ราคาค่อยๆ ตกลงอย่างช้าๆ โดยหากมีปัจจัยกระตุ้นบางอย่างในช่วงนี้ก็อาจทำให้มีการขายชอร์ตเกิดขึ้นได้ง่ายๆ