แม้ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะยังคงปกคลุมตลาดหุ้นสหรัฐ แต่การปรับฐานช่วงต้นเดือนมีนาคมก็ได้แสดงให้เห็นว่า หุ้นตัวใดมีแนวโน้มฟื้นตัวมากที่สุด นอกเหนือจากความเคลื่อนไหวในแต่ละวัน หุ้นเหล่านี้ยังถือเป็นการลงทุนที่มั่นคงในระดับราคาปัจจุบันเมื่อมองในระยะยาว
จากที่กล่าวมาทำให้หุ้นทั้งสามตัวนี้เหมาะแก่การเฝ้าจับตาและเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการเข้าซื้อในตอนนี้
1. GE Aerospace: ยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องยนต์ Dual-Sector พร้อมรายได้ที่มีอัตรากำไรสูง
GE Aerospace (NYSE:GE) เป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์เครื่องยนต์และระบบอิเล็กทรอนิกส์การบินชั้นนำของโลก บริษัทไม่เพียงพัฒนาและผลิตเครื่องยนต์สำหรับผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์อย่าง Boeing (NYSE:BA) และ Airbus เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการจัดซื้อจัดจ้างทางทหารด้วย
ในเดือนนี้ GE ได้รับสัญญามูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สำหรับเครื่องยนต์ F110-GE-129 ที่ใช้ในเครื่องบินรบ F-15 และ F-16 แม้ว่าเครื่องบินเหล่านี้จะเป็นรุ่นเก่า แต่ GE ก็ยังมีความต้องการอย่างสม่ำเสมอจากการส่งออกระหว่างประเทศ ซึ่งมักจะไม่รวมเทคโนโลยีล้ำสมัยของสหรัฐ เช่น F-22 หรือ F-47 รุ่นล่าสุดที่มอบให้กับ Boeing
ในส่วนของพาณิชย์ก็ไม่น้อยหน้า ในเดือนเดียวกัน GE Aerospace และ Boeing ได้ทำข้อตกลงมูลค่า 32 พันล้านดอลลาร์กับ Korean Air สำหรับเครื่องบินใหม่สูงสุด 50 ลำที่ใช้เครื่องยนต์ของ GE นอกเหนือจากยอดขายใหม่ GE ยังมีรายได้ประจำที่มีอัตรากำไรสูงจากการบริการซ่อมบำรุงและปรับปรุง (MRO) ในทั้งสองภาคส่วน
รูปแบบธุรกิจที่แข็งแกร่งนี้สะท้อนอยู่ในราคาหุ้น GE ซึ่งปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 460% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 211.98 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 25% ตั้งแต่ต้นปี แม้ว่าจังหวะที่ดีที่สุดน่าจะเป็นช่วงปรับฐานเมื่อต้นเดือนมีนาคม แต่ GE ยังคงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนสายเน้นมูลค่าในระยะยาว หากไม่ใช่ตอนนี้ นักลงทุนควรจับตา GE ในช่วงที่ตลาดมีการปรับฐานอีกครั้ง
นอกจากนี้ GE ยังได้ร่วมมือกับบริษัท eVTOL สัญชาติเยอรมันอย่าง Lilium (LILM) ซึ่งการเข้าสู่ตลาดใหม่นี้ยังไม่ได้ถูกสะท้อนเต็มที่ในราคาหุ้น จากการคาดการณ์ของ WSJ ราคาเป้าหมายเฉลี่ยของ GE อยู่ที่ 230 ดอลลาร์ โดยประมาณการต่ำสุดคือ 202 ดอลลาร์ และเพดานราคาสูงสุดคือ 261 ดอลลาร์ต่อหุ้น
2. Spotify: โมเดลฟรีเมียมที่ขับเคลื่อนการเติบโตของผู้ใช้และรายได้อย่างแข็งแกร่ง
หลังจากร่วงลงตอนช่วงต้นเดือนมีนาคม หุ้น Spotify Technology SA (NYSE:SPOT) ก็กลับมาฟื้นตัว โดยเพิ่มขึ้น 3.4% ภายในหนึ่งเดือน และเพิ่มขึ้น 34% ตั้งแต่ต้นปี SPOT ทำผลงานเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ซึ่งเดิมคาดว่าจะเพิ่มสมาชิกแบบชำระเงินได้ 7.9 ล้านคนในไตรมาส 4 ปี 2024 แต่ Spotify กลับเพิ่มสมาชิกได้ถึง 11 ล้านคนจากคลังเสียงขนาดใหญ่ของตน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง โมเดลฟรีเมียมที่ให้บริการพื้นฐานฟรีเพื่อเปลี่ยนผู้ใช้ให้กลายเป็นลูกค้าแบบชำระเงินยังคงได้ผลอย่างดีเยี่ยม ตามรายงานผลประกอบการล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ Spotify มีผู้ใช้งานรายเดือน (MAUs) รวม 675 ล้านราย โดยในจำนวนนี้มีสมาชิกแบบพรีเมียม 263 ล้านราย
นั่นหมายถึงการเติบโตของสมาชิกแบบพรีเมียมต่อปีที่ 11% ขณะที่กระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้น 121% เป็น 877 ล้านยูโรในช่วงเวลาเดียวกัน และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 32.2% ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์เดิม
เมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันที่ 616.69 ดอลลาร์ ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 637.10 ดอลลาร์ ตามการคาดการณ์ของ WSJ โดยมีราคาต่ำสุดที่ 440 ดอลลาร์ และราคาสูงสุดที่ 703.25 ดอลลาร์ต่อหุ้น เช่นเดียวกับหุ้น GE หุ้น SPOT เป็นโอกาสเข้าซื้อที่ดีในตอนนี้ และยังควรเฝ้าดูเพื่อเข้าซื้ออีกครั้งหากมีการปรับฐาน
3. MicroStrategy: หุ้นตัวแทนของ Bitcoin ที่มีกลยุทธ์การสะสมระยะยาว
ในขณะที่ราคา Bitcoin ยังอยู่ต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์ แต่หุ้นตัวแทนหลักของ Bitcoin อย่าง MicroStrategy Incorporated (NASDAQ:MSTR) ซึ่งเพิ่งรีแบรนด์ชื่อเป็น “Strategy” เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ก็น่าสนใจไม่น้อย ดังที่ได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ บริษัทใช้กลยุทธ์กู้เงินเพื่อซื้อ Bitcoin ที่หายากโดยใช้เงินดอลลาร์ซึ่งมีมูลค่าลดลง
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Strategy ได้เปิดเผยการซื้อ Bitcoin เพิ่มอีกมูลค่า 584.1 ล้านดอลลาร์ ทำให้บริษัทถือ Bitcoin สะสมรวมเป็น 506,137 BTC ซึ่งทำให้บริษัทเป็นผู้ถือ Bitcoin รายใหญ่อันดับหนึ่งในภาคเอกชน คิดเป็น 2.55% ของอุปทานหมุนเวียนทั้งหมดที่มีอยู่ 19.8 ล้าน BTC
เพื่อเปรียบเทียบ ETF Bitcoin ที่ประสบความสำเร็จที่สุดอย่าง BlackRock’s iShares Bitcoin Trust (IBIT) ถือ Bitcoin อยู่ที่ 574,083 BTC แม้ว่า Bitcoin จะให้ผลตอบแทนติดลบ 9% ตั้งแต่ต้นปี แต่ราคาหุ้น MSTR กลับเพิ่มขึ้น 12.33% ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความสามารถของ Saylor ในการใช้จิตวิทยานักลงทุนและกลไกตลาดได้อย่างยอดเยี่ยม
และเมื่อกระแสการเมืองหลังทรัมป์แผ่วลง Bitcoin ก็มีปัจจัยเสี่ยงเชิงโครงสร้างน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้ว่าการจัดตั้ง Bitcoin Strategic Reserve จะไม่เป็นไปตามความคาดหวังนัก เนื่องจากไม่มีการใช้ภาษีประชาชนมาซื้อ BTC ใหม่ แต่ก็ยังเป็นการลบปัจจัยเสี่ยงจากการขาย BTC ที่ถูกยึดออกจากสมการ
สถาบันการเงินและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า Bitcoin จะมีราคาประมาณ 200,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2025 จากผลกระทบล่าช้าของการยกเลิก Operation Choke Point 2.0 นั่นทำให้ราคาหุ้น MSTR ปัจจุบันที่ 335.89 ดอลลาร์ เป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ เพราะหุ้นตัวนี้ยังคงให้ผลตอบแทนเหนือกว่า Bitcoin
***
ทั้งผู้เขียน Tim Fries หรือเว็ป The Tokenist และเว็บไซต์นี้มิได้ให้คำแนะนำด้านการเงิน กรุณาอ่านนโยบายของเว็บไซต์ก่อนตัดสินใจทางการเงินใด ๆ
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ The Tokenist คุณสามารถติดตามข่าวของ The Tokenist ได้ฟรีที่ Five Minute Finance เพื่อรับการวิเคราะห์รายสัปดาห์เกี่ยวกับแนวโน้มสำคัญในโลกการเงินและเทคโนโลยี