ประเมินว่าเหตุปัจจัยที่ทำให้FUND FLOW ไหลออกต่อเนื่องในช่วง 11 วัน ทำการที่ผ่านมาน่าจะกำลังเข้าใกล้จุดอิ่มตัว เริ่มจากมุมมองทิศทางการ ปรับลดดอกเบี้ยของFED ในการประชุม 7 พ.ย.67 ล่าสุด FED MINIUTE ก็ส่งสัญญาณชัดเจนว่าน่าจะปรับลดในอัตรา 0.25% ตามปกติ (ก่อน หน้าที่คาดลง 0.5%) ซึ่งช่วงการเปลี่ยนมุมมองดังกล่าว DOLLAR INDEX ได้แข็งค่าขึ้นจากบริเวณ 100 มาสู่ปัจจุบันที่ 102.88 คิดว่าน่าจะ ดูดซับความคาดหวังดังกล่าวไปแล้ว จึงเป็นไปได้ที่FUND FLOW จะหยุด ไหลออกจากบ้านเราหรืออาจเริ่มกลับมา อีกเรื่องหนึ่งคือตลาดหุ้นจีน การที่ราคาหุ้นปรับขึ้นไปแรงก่อนหน้านี้ ขณะที่ทางการไม่ได้มีมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม จึงเป็นไปได้ว่า FUND FLOW อาจถูกเกลี่ยไปที่ ตลาดอื่นรวมถึงเรา ภาพรวมเชื่อว่า SET INDEX น่าจะดีขึ้นตามลำดับ ประเมินจากปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานเชื่อว่า SET INDEX น่าจะกำลัง ผ่านช่วงการพักฐาน และค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ วันนี้คาดกรอบ 1450 – 1467 จุด หุ้น TOP PICK เลือก BDMS, CPALLและ ERW
ทิศทางดอกเบี้ยปรับสมดุล หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง วานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นราว 0.3% - 1% โดยดัชนีDOW JONES ใกล้ขึ้น กลับไปทำ ALL TIME HIGH อีกครั้ง สะท้อนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง จากแรง หนุนทิศทางดอกเบี้ยขาลง ท่ามกลางเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงสู่กรอบเป้าหมาย 2% บวกกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังดูดี และตลาดแรงงานไม่ได้อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
ขณะที่รายงาน FOMC FED MINUTE เผยว่าเจ้าหน้าที่FED หลายรายสนับสนุนการ ลดดอกบี้ยแค่0.25% ในการประชุมรอบ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากยังมีความกังวล เรื่องเงินเฟ้อและภาพเศรษฐกิจยังเติบโตได้ ทำให้ระยะถัดไป อาจเห็นการปรับลด ดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปแทน โดย DOT PLOT ประเมินดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปลายปี 2567 จะอยู่ที่ 4.5% ซึ่งสอดคล้อง กับผลสำรวจของ FED WATCH TOOL ที่คาดว่า FED จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งละ 0.25% ในการประชุมอีก 2 รอบที่เหลือของปีนี้(เดิมคาดลดดอกเบี้ย -0.5% ใน พ.ย. และ -0.25% ใน ธ.ค.) สะท้อนการลดดอกเบี้ยที่ไม่รุนแรง มีมุมมองเป็นไปในทิศทาง เดียวกันมากขึ้น หนุน DOLLAR ชะลอการแข็งค่า ขณะที่ BOND YIELD พลิกดีดตัว
ส่วนคืนนี้รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย.67 โดย CONSENSUS คาดว่าจะ ปรับตัวลดลงเหลือ +2.3%YOY ซึ่งเชื่อว่าจะสอดคล้องกับราคาน้ำมันที่ชะลอตัวลง
สรุป การปรับสมดุลเรื่องทิศทางดอกเบี้ยมีความชัดเจนขึ้น ระว่างคาดการณ์ของ DOT PLOT และตลาดการเงิน โดยมองว่า FED จะปรับลดดอกเบี้ยอีก -0.5% ในช่วง ที่เหลือของปีนี้ (เดิมตลาดฯ คาด -0.75%) หนุน DOLLAR ชะลอการแข็งค่า และ BOND YIELD พลิกดีดตัว ขณะที่เม็ดเงินมีแนวโน้มไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง จากความ คาดหวังสหรัฐฯ SOFT LANDING
ีนเตรียมอัดมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง ดีต่อเศรษฐกิจไทยที่อิง ภาคท่องเที่ยว หลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วง ปลายเดือน ก.ย.67 โดยเน้นใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับ ธ.พ. และเร่งแก้ปัญหาภาคอสังหาฯ รวมทั้งใช้นโยบายการคลังแจกเงินให้กับผู้ยากไร้ กระตุ้นการบริโภค ซึ่งล่าสุด รัฐบาลจีนเตรียมจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับนโยบายการคลัง เพิ่มเติมในวันเสาร์นี้ (12 ต.ค.67)
ึ่งน่าจะหนุนให้ GDP GROWTH รายไตรมาสของจีนเติบโตได้เกิน 5%YOY และทำให้ ประมาณการ GDP ปีนี้โตแตะระดับ +5%YOY ดังที่รัฐบาลจีนหวังไว้ได้ไม่ยาก ประเด็น ดังกล่าวหนุนให้ตลาดหุ้นจีนทั้ง CSI300 และ HANG SENG ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงเวลา นั้น และกดดันตลาดหุ้นประเทศอื่นในเอเชียช่วงสั้น
อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยยังได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว เนื่องด้วยภาคการ ท่องเที่ยวไทย มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนสูงเป็นอันดับ 1 (อิงปี 2023) ราว 3.5 ล้านคน หรือ 13% จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด โดยทาง สทท. คาดจำนวนนักท่องเที่ยว ในปีนี้ 36.3 ล้านคน(3Q67 8.6 ล้านคน/ 4Q67 9.4 ล้านคน) เติบโต 29%YOY อีกทั้ง ได้ขอเสนอให้รัฐบาลจัดทำโครงการ “เที่ยวคนละครึ่ง” ในทันที โดยไม่ต้องรอปี2568 โดยเสนอให้สนับสนุนเงินให้นักท่องเที่ยวคนละ 2,000 บาทต่อวัน ประมาณคนละ 3-4 คืน ซึ่งรัฐบาลใช้เงินสนับสนุนไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ปรเด็นดังกล่าวน่าจะสร้าง SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มการบิน-โรงแรม อาทิ AOT (BK:AOT) AAV CENTEL ERW MINT
สรุป เศรษฐกิจจีนดูดีขึ้นหลังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นมากมาย หนุน FLOW ไหล ออกจากประเทศอื่นในเอเชียช่วงสั้น สังเกตได้จาก FUND FLOW ต่างชาติ และค่าเงิน ของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตามไทยน่าจะได้รับ SENTIMENT เชิงบวกมากกว่า เนื่อง ด้วยภาคการท่องเที่ยวไทย มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนสูงเป็นอันดับ 1 ขณะที่ สทท. ชง รัฐงัด‘เที่ยวคนละครึ่ง’ ฟื้นทันที ดีต่อหุ้นกลุ่มการบิน-โรงแรม อาทิ AOT AAV CENTEL ERW MINT
แนวโน้มกำไร 3Q67 ดูดี คอยหนุน SET INDEX อีกแรง ใกล้เข้าสู่ฤดูกาลรายงานงบ 3Q67 โดยเริ่มรายงานบริษัทแรก TISCO ณ วันอังคาร หน้าที่ 15 ต.ค. 67 ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ ทำการรวบรวมข้อมูลจาก BLOOMBERG CONSENSUS ณ 9 ต.ค. 67 มีการทำ EARNING PREVIEW 113 บริษัท (คิดเป็นสัดส่วน MARKET CAP 74%) พบว่า กำไร 3Q67 มีโอกาสเติบโต 4%QOQ และลดลงเล็กน้อย -3.8%YOY เปรียบเทียบได้กับกำไร 3Q67 บริเวณ 2.6 –2.8 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยฯ ยังคัดกรอง 20 หุ้นที่มีโอกาสกำไรเติบโตทั้ง QOQ และ YOY ในช่วงไตรมาสที่ 3 คือ IVL, CKP, TASCO, BGRIM, BCH, AMATA, CK, TTW, GPSC, PR9, BDMS, CENTEL, SPALI, BH, TU, CBG, MTC, SCCC, SCB, BEM เป็นต้น
สรุป แนวโน้มกำไร 3Q67 ดูดี น่าจะเป็นอีกแรงคอยหนุน SET INDEX อีกทั้งฐานกำไร 4Q66 ที่ต่ำเพียง 1.73 แสนล้านบาท ยังเป็นตัวช่วยเร่งให้เห็นแนวโน้มกำไร 4Q67 เติบโตเด่นต่อเนื่อง โดยในรายชื่อหุ้นแนวโน้มกำไร 3Q67 เด่น ชื่นชอบ TASCO, CK, GPSC, BDMS, CENTEL, CBG, MTC, BEM
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities