สัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยของ FED ที่อาจเกิดขึ้น 2 รอบ กดดันให้ BOND YIELD ปรับลดลง ซึ่งเรามองผลบวกใน 2 ด้านคือ 1) ทำให้ MARKET EARNING YIELD GAP กว้างขึ้น หนุนเม็ดเงินไหลเข้าตลาด หุ้น และ 2) ส่วนต่างระหว่าง BOND YIELD สหรัฐฯ-ไทย แคบลง ซึ่งน่าจะ ทำให้เงินบางมีแนวโน้มแข็งค่า ช่วยดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้าตลาดการเงินบ้าน เราง่ายขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศน้ำหนักอยู่ที่ DIGITAL WALLET ซึ่งมี ความชัดเจนมากขึ้นทั้งในสว่นของ NEGATIVE LIST โดยล่าสุดเพิ่ม อุปกรณ์สื่อสาร & เครื่องใช้ไฟฟ้า เข้าไป ส่วนกรอบการดำเนินงานจะเห็น การเติมเงินเข้า DIGITAL WALLET งวด 4Q67 สำหรับเม็ดเงินที่จะเข้ามา SUPPORT ตลาดหุ้นผ่าน TESG VERSION ใหม่ และ เงินจาก วายุภักษ์ ซึ่งรวมแล้วอาจสูงกว่า 1.5 แสนล้านบาท ยังไม่เห็นกำหนดชัดเจน แต่ยัง น่าจะเกิดภายในปี 2567
ปัจจัยแวดล้อมมีน้ำหนักทางบวก ขณะที่ความหวังเรื่องเม็ดเงินกองทุนฯ ใหม่ๆ ที่จะเข้ามา น่าจะมีน้ำหนักช่วยจำกัด DOWNSIDE วันนี้คาดกรอบ 1313 –1330 จุด TOP PICK เลือก BEM, CPALLและ GPSC
FED ส่งสัญญาณ DOVISH หนุนสินทรัพย์เสี่ยงสดใส วานนี้ระธาน FED แถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอบครึ่งปีต่อ รัฐสภาฯ เป็นวันที่ 2 โดยยังคงมุ่งความสนใจไปที่ตลาดแรงงานที่กำลังชะลอตัวลง และ ความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อีกทั้งอาจไม่รอจนกว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวสู่ กรอบเป้าหมาย 2% ถึงจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ความคาดหวัง FED ลดดอกเบี้ย หนุนให้เม็ดเงินมีแนวโน้มไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงมาก ขึ้น สะท้อนจากตลาดหุ้นโลกปิดตัวในแดนบวก โดยในฝั่งสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นราว 1.0% - 1.2% ส่วนฝั่งยุโรปขยับขึ้นราว 0.7% - 1.1% ขณะที่ BOND YIELD 10 ปี ของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 4.28% (ลดลง 2.6%MTD หรือ 11 BPS.) และบ้านเรา ย่อตัวลงมาอยู่ที่ 2.63% (ลดลง 1.6%MTD หรือ 4 BPS.) ถือเป็นแรงส่งให้เงินบาทมี โอกาสแข็งค่ามากขึ้น
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ ฝ่ายวิจัยฯ คาดการณ์ว่ามีอยู่ 3 กลุ่มที่มักรีบาวน์ ประจำ ดังนี้
1. หุ้น TECH ในไทย อาทิ DELTA KCE HANA
2. หุ้นได้ประโยชน์บาทแข็ง GULF BGRIM GPSC
3. หุ้นรับวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง MTC SAWAD TIDLOR
สรุป ความคาดหวัง FED ลดดอกเบี้ย หนุนให้เม็ดเงินมีแนวโน้มไหลเข้าสู่สินทรัพย์ เสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ BOND YIELD ส่งสัญญาณย่อตัวต่อเนื่อง ถือเป็นแรงส่งให้เงิน บาทมีโอกาสแข็งค่ามากขึ้น
ความคืบหน้า DIGITAL WALLET หุ้นใดคาดได้ประโยชน์ วานนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังมีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมของ โครงการ DIGITAL WALLET นั้นคือ รายการสินค้า NEGATIVE LIST(ซื้อไม่ได้) มีการ เปลี่ยนแปลง โดยนำเอาสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์-เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์สื่อสาร ออกจากโครงการ และมีการปรับแหล่งที่มาของเงินเล็กน้อย โดยก่อนหน้านี้คาดจะใช้ งบประมาณ 5แสนล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร (ธ.ก.ส.) 1.72 แสนล้านบาทแต่วันนี้ได้ปรับวงเงินที่จะใช้โครงการนี้เหลือ 4.5 แสนล้านบาท(คาดคนลงทะเบียน 80%-90%) โดยสำนักงบประมาณ เสนอให้ใช้เงิน งบประมาณปี 2567 จำนวน 1.22แสนล้านบาท งบบริหารจัดการ 0.43 แสนล้านบาท และงบประมาณปี 2568 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท ดังรูปด้านล่าง โดยการประชุมวานนี้เพื่อสรุปรายละเอียดเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดชุดใหญ่ ซึ่งมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 15 ก.ค.67 และเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในวันที่ 30 ก.ค.67 ตามลำดับ
โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวกำลังสะท้อนว่า โครงการ DIGITAL WALLET ยังคงเดินหน้าต่อไป และน่าจะเริ่มเห็นเม็ดเงินหมุนเวียนได้ในช่วง 4Q67 จึง คาดหวังว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล หนุนให้ GDP GROWTH บ้านเราโตได้เฉลี่ยอย่างน้อย 2.8%YOY(มีโอกาสแตะระดับ 3%-4%)ซึ่ง รัฐบาลคาดจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 1.2-1.6% ของ GDP ทั้งปี (TURNOVER 0.4- 0.5 เท่า) ส่วนหุ้นที่คาดว่าได้ประโยชน์ คือ หุ้นกลุ่มอาหาร-ค้าปลีก/ค้าส่ง ที่นักลงทุน เริ่มให้ความสนใจหุ้นกลุ่มนี้มากขึ้น อาทิ CPALL (BK:CPALL), DOHOME, CBG, OSP, CRC, GLOBAL, BJC, ICHI, M สรุป โครงการ DIGITAL WALLET มีสัญญาณที่ดีให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยเริ่มใช้ได้ 4Q67 ขณะที่รัฐบาลคาดจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 1.2-1.6% ของ GDP ทั้งปี (TURNOVER 0.4-0.5 เท่า) ส่วนหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์ คือ หุ้นกลุ่มอาหาร-ค้า ปลีก/ค้าส่ง อาทิ อาทิ CPALL, DOHOME, CBG, OSP, CRC, GLOBAL, BJC, ICHI, M เป็นต้น
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities