เริ่มฟื้นไข้แต่ยังไม่ปกติ

การฟื้นตัวของ SET INDEX มายืนเหนือ 1320 จุด ขณะที่นักลงทุน ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ และสัดส่วนการทำ SHORT SELL ลดลงอย่างมี นัยสำคัญ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่อย่างไรก็ตามยังเห็นว่าตลาดหุ้น บ้านเรายังไม่กลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายยังต่ำกว่าระดับ ที่เหมาะสมบริเวณ 5 หมื่นล้านบาทค่อนข้างมาก ทำให้มีโอกาสที่จะเห็น ความผันผวนอยู่ได้ตลอดเวลา ส่วนประเด็นที่อยู่ในความสนใจอยู่ที่การ ประชุม ครม. โดยคาดหวังว่าจะเห็นความคืบหน้าของ TESG เงี่อนไขใหม่ รวมถึงโครงการ DIGITAL WALLET ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะแถลง รายละเอียดในวันที่ 24 ก.ค.2567 ส่วนคาดการณ์กำไรงวด 2Q67 BLOOMBERG CONSENSUS มีคาดการณ์ออกมาแล้ว 70% ของ MARKET CAP มีกำไรสุทธิ 2.09 แสนล้านบาท เพิ่ม 16.1% YOY แม้จะมีสัญญาณเชิงบวก แต่ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ยังไม่มากพอ น่าจะ ทำให้ SET INDEX ยังอยู่ในภาวะที่ผันผวนได้ง่าย วันนี้ประเมินกรอบ 1314 –1330 จุด หุ้น TOP PICK เลือก ADVANC, CPALL (BK:CPALL) และ CPN

ปัจจัยกดดันภายในประเทศดูเบาลง ทิศทางดอกเบี้ยโลกที่กำลังเข้าสู่วัฏจักรขาลง หลังเงินเฟ้อที่ทยอยปรับตัวลดลงสู่ กรอบเป้าหมาย ท่ามกลางกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังคงเดินหน้า ช่วยลดแรงกดดัน จากการชะลอตัวลงแบบ HARD LANDING ขณะที่ผลการสำรวจของ BLOOMBERG เผยโอกาสเกิดเศรษฐกิจ RECESSION ใน อีก 1 ปี ข้างหน้า ของหลายๆ ประเทศ มีแนวโน้มที่ลดลงอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับช่วง ปี 2566 โดยล่าสุดสหรัฐฯ อยู่ที่ 30% (จาก 90%) และ ยุโรป อยู่ที่ 20% (จาก 80%) ส่วนบ้านเราอยู่ที่ 17.5% ซึ่งย่อตัวลงมา หลังจากกระตุกตัวขึ้นไปในช่วงปลายเดือน มี.ค – พ.ค. 67 จากความกังวลเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตามจาก ข้อมูลในอดีตสะท้อนได้ว่าโอกาสเกิด RECESSION ที่ลดลง มักหนุน SET ขยับขึ้น

อย่างไรก็ดีในระยะถัดไปเศรษฐกิจไทย ยังมีความคาดหวังการเติบโตมากกว่าปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนทั้งการเร่งเบิกจ่ายภาครัฐ (G) ของงบปี 2567 และความต่อเนื่อง ของงบปี 2568 นอกจากนี้ในช่วง 4Q67 ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการ DIGITAL WALLET (C) โดยล่าสุดมีความคืบหน้าว่านายกฯ จะแถลงรายละเอียด ทั้งหมดของโครงการ โดยเฉพาะการยืนยันตัวตนและการลงทะเบียนของประชาชนใน วันที่ 24 ก.ค. 67

สำหรับการประชุม ครม. ในวันนี้ รอติตามการหารือครั้งสุดท้ายของโครงการ DIGITAL WALLET รวมถึงการเสนอ พ.ร.บ. งบเพิ่มเติม เป็นงบกลางปี 1.22 แสน ล้าน ก่อนเข้าสภาฯ ส่วนการอนุมัติกองทุน TESG ยังคงต้องติดตามความคืบหน้า ต่อไป

กำไรงวด 2Q67 มีโอกาสเติบโตเด่น YOY จากหนึ่งแรงหนุน SET ขยับขึ้นต่อ ตลาดหุ้นไทย เริ่มมีสัญญาณที่ดีของ FUND FLOW ต่างชาติ หลังมีมาตรการของ ตลท.มาช่วยพยุงตลาดฯตั้งแต่ 1 ก.ค.67 หนุนให้ดัชนีขยับขึ้นจาก 1290 จุด สู่ระดับ 1322.50 จุด อีกทั้งหลังจากนี้จะมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติม คือ กำไรงวด 2Q67 มีโอกาส เติบโตเด่น YOY จากแรงหนุน 3 ส่วน คือ 1.ฐานกำไรไตรมาส 2 ปีที่แล้วต่ำกว่าปกติ 2.ค่าเงินบาทช่วงไตรมาสที่ 2 ยังอ่อนค่าต่อ 3. ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในไตรมาสที่ 2 ยัง ยืนระดับสูง (รายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ในบทวิเคราะห์ MARKET TALK 3 ก.ค.67) โดยวันนี้ ฝ่ายวิจัยฯ ทำการรวบรวมคาดการณ์กำไรงวด 2Q67 จาก BLOOMBERG CONSENSUS ล่าสุดออกมาแล้ว 99 บริษัท คิดเป็น 70% ของ MARKET CAP รวม พบว่า มีโอกาสที่จะเห็นกำไรงวด 2Q67F เติบโต 16.1%YOY และ 2.4%QOQ

และทำการคัดกรองตัวอย่างหุ้นที่กำไรงวด 2Q67 มีโอกาสเติบโตทั้ง QOQ และ YOY ได้รายชื่อหุ้น อาทิ CKP STEC MINT GPSC GULF PLANB SAWAD AMATA BEM เป็นต้น

สรุป กำไรงวด 2Q67 มีโอกาสเติบโตเด่น YOY หนึ่งแรงหนุน SET ขยับขึ้นต่อ แนะนำ สะสม หุ้นแนวโน้มกำไรงวด 2Q67 เด่น ทั้ง QOQ และ YOY อย่าง CKP STEC MINT GPSC GULF PLANB SAWAD AMATA BEM เป็นต้น

้นหาหุ้นปันผลสูง หวังต่างชาติเข้าสะสม วานนี้ยังคงเห็นเม็ดเงินต่างชาติทยอยเข้าหุ้นไทยต่อ โดยซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 384 ล้าน บาท และซื้อสุทธิผ่าน NVDR 2,071 ล้านบาท รวมถึงปริมาณการ SHORT SELL ยัง อยู่ระดับต่ำ 3.45% คาดว่า FUND FLOW ยังมีโอกาสไหลเข้าต่อ โดยเฉพาะช่วงครึ่ง หลังของปี จากแนวโน้ม BOND YIELD 10Y สหรัฐกับไทยค่อยๆ แคบลง สอดคล้องกับการศึกษาข้อมูลในอดีตเวลา ส่วนต่าง BOND YIELD 10 ปี ไทยกับ สหรัฐแคบลง FUND FLOW มักจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้น ในทาง กลับกับหาก BOND YIELD 10 ปี ไทยถูกสหรัฐทิ้งห่าง FUND FLOW ก็มักจะไหลออก โดยทุกๆ ส่วนต่าง BOND YIELD 10Y แคบลง 5 ถึง 10 BPS. หนุนให้ FUND FLOW ไหลเข้าได้ราว 1 หมื่นล้านบาท แต่ถ้า ส่วนต่าง BOND YIELD 10Y กว้างขึ้น 5 ถึง 10 BPS. กดดัน FUND FLOW ไหลออก 1 หมื่นล้านบาท

ในมุม VALUATION ตลาดหุ้นไทยมี DIVIDEND YIELD67F อยู่ในระดับที่น่าสนใจ 4.1% คิดเป็น DIVIDEND YIELD GAP (DYG)1.81% (BOND YIELD 1 ปี 2.37%) เทียบเท่าได้กับดัชนีที่เหมาะสมเกิน 1400 จุด แต่หากลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง DYG จะ เป็น 2.06% - 2.31% และระดับ SET INDEX ที่เหมาะสมอยู่บริเวณ 1450 และ1500 จุด ขึ้นไป ถือเป็นระดับที่จูงใจให้เม็ดเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัยในประเทศไหลเข้า สินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้นได้เช่นกัน

ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ ทำการค้นหา 20 หุ้นใหญ่ปันผลสูง น่าซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนไทย และนักลงทุนต่างประเทศในช่วงนี้

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities