หลังจากวันนี้ไป เราก็จะเข้าสู่ฤดูกาลของวันหยุดยาว ซึ่งในช่วงเวลาที่เป็นวันหยุด ยาวรอบนี้หากพิจารณาพัฒนาการของเหตุการณ์ มีหลายเรื่องที่รออยู่ เริ่มจาก ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งต้องรอดูผลจากการที่อิสราเอล โจมตีสถานกงสุล ของอิหร่าน ในซีเรีย และโจมตีWCK จนมีผู้เสียชีวิตจุดและ 7 ราย โดยต้องรอดู การตอบโต้จากฝ่ายที่ถูกโจมตี ซึ่งกรณีดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืน ปรับฐานลงมาค่อนข้างแรงถือเป็น SENTIMENTเชิงลบต่อ SET INDEX วันนี้ ถัด มา เป็นการประชุม กนง. วันที่ 10 เม.ย.67 โดย BLOOMBERG CONSENSUS คาดหมายว่า จะยังเห็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.5% ตามเดิม ซึ่งหาก เป็นแนวทางดังกล่าวก็อาจทำให้เกิดแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยได้เช่นกัน สำหรับ เช้าวันนี้จะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มี.ค.ของบ้านเรา ซึ่งคาดว่าจะติดลบ 0.4% YOY สภาวะดังกล่าวต้องระวังแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนวันหยุด
ปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานมีน้ำหนักทางลบ ขณะที่ความไม่แน่นอนช่วงวันหยุด ยาวก็มีอยู่มาก อาจทำให้เกิดแรงขายเพื่อลดความเสี่ยง คาด SET INDEX อยู่ใน กรอบ 1367 –1380 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CBG, HMPRO และ PTT (BK:PTT)
GEOPOLITICAL RISK ทำสินทรัพย์เสี่ยงปั่นป่วน วานนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ (โจ ไบเดน) ได้โทรศัพท์พูดคุยครั้งแรกกับนายกรัฐมนตรี อิสราเอล (เบนจามิน เนทันยาฮู) หลังจากเหตุการณ์โจมตีขบวนรถของเจ้าหน้าที่ด้าน มนุษยธรรมจากองค์กร WORLD CENTRAL KITCHEN (WCK) จนทำให้มี ผู้เสียชีวิต 7 ราย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ไบเดนได้ กล่าวตำหนิและรับไม่ได้กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น พร้อมกับพูดอย่างชัดเจนถึง ความจำเป็นที่อิสราเอลจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายปกป้องพลเรือนในฉนวนกา ซา ก่อนที่สหรัฐจะมีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของสหรัฐเอง
ประเด็นข้างต้น กลายเป็นแรงกดดันครั้งใหม่ที่หนักหน่วงกว่าเดิมระหว่างสองประเทศ พันธมิตร โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ลุกลามไปถึงสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ ร่วงลงราว -1.1% ถึง -1.4% ขณะที่ ดัชนีความผันผวน VIX ของตลาดหุ้น S&P 500 ดีดตัวขึ้นราว +14% พุ่งสูงสุดในรอบ 5 เดือน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1.4% โดยราคาน้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องทะลุ90 USD/BARREL ทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 6 เดือน ขณะที่ ผลกระทบที่ตามมา อาจเป็นแรงผลักให้เงินเฟ้อทั่วโลกขยับตัวสูงขึ้นได้ และมีโอกาสทำ ให้ธนาคารกลางต่างๆ พิจารณาหรือตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไปได้
สรุป แรงกดดันครั้งใหม่ที่หนักหน่วงกว่าเดิมของสองประเทศพันธมิตรระหว่าง สหรัฐฯ – อิสราเอล กลายเป็นผลกระทบที่ลุกลามไปยังสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ทั้งตลาดหุ้นที่ ร่วงลงแรง รวมถึงราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความกังวลเงินเฟ้อขยับขึ้น กลับมาอีกครั้ง
สรุป แรงกดดันครั้งใหม่ที่หนักหน่วงกว่าเดิมของสองประเทศพันธมิตรระหว่าง สหรัฐฯ – อิสราเอล กลายเป็นผลกระทบที่ลุกลามไปยังสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ทั้งตลาดหุ้นที่ ร่วงลงแรง รวมถึงราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความกังวลเงินเฟ้อขยับขึ้น กลับมาอีกครั้ง
เดือน เม.ย. ปกติเป็นเดือนที่มีวันหยุดทำการของตลาดหลักทรัพย์เยอะ เลยทำให้ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา มูลค่าซื้อขายในเดือนเม.ย. ต่ำสุดเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับ เดือนอื่นๆ ถึง 3 ใน 10 ปี, ต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ถึง 3 ใน 10 ปี และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ถึง 9 ใน 10 ปี ขณะที่ในปีนี้มีวันหยุดเพิ่มเติมอีก 1 วัน คือ 12 เม.ย.67 ยิ่งเป็นปัจจัยกดดัน ให้มูลค่าซื้อขายลดลง โดยเดือนนี้มูลค่าซื้อขายเหลือ 3.4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น (ลดลง 20%YTD)
ขณะที่ทางฝั่งหุ้นรายอุตสาหกรรม จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นเดือน(MTD) น้ำหนักการ ลงทุนเอนเอียงไปแค่ 7 SECTOR ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ซึ่งสามารถแบ่งเป็น THEME การลงทุนได้ ดังนี้
1. หุ้นกลุ่มอิงเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว อาทิPETRO, PKG
2. หุ้นกลุ่มอิงราคาน้ำมันดิบ อาทิENERG
3. หุ้นกลุ่มสงกรานต์ PLAY อาทิTOURISM, TRANS, COMM
ในส่วนของเช้านี้รอดูตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน มี.ค. 67 ที่ตลาดคาดอยู่ที่ -0.4%YOY( ติดลบต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ -0.77%YOY) ซึ่งต้องติดตามว่าผลลัพธ์จะ ออกมาเช่นไร เนื่องจากเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ กนง.ให้น้ำหนักในการกำหนดทิศทาง ดอกเบี้ยในอนาคต
ซึ่งหากพิจารณาข้อมูลจาก BLOOMBERG CENSENSUS จะเห็นได้ว่ามีการ คาดการณ์ผลการประชุม กนง.รอบ เม.ย.67 นี้จากนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหมด 10 คน ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า กนง.จะคงดอกเบี้ยระดับเดิมที่ 2.50% มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ เห็นต่างว่าควรลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.25%
ในมุมมองของฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าหาก กนง.ไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน เม.ย.67 ก็คงต้องลดดอกเบี้ยรอบถัดไปพร้อมกับ FED ในการประชุมรอบ มิ.ย.67 อยู่ดี เนื่อง ด้วยภาวะเศรษฐกิจไทยที่เปราะบาง ค่าเงินบาทอ่อนค่ามาเร็ว บวกกับนโยบายการ คลังอย่าง DIGITAL WALLET ที่ต้องใช้งบประมาณสูง และมีความเสี่ยงในหลายด้าน หากเกิดขึ้นจริง
สรุป เริ่มเข้าสู่ช่วงหยุดยาวของเดือน เม.ย.67 ทำให้มูลค่าซื้อขายของ SET เบาบางลง เฉกเช่นเดียวกับสถิติในอดีต ขณะที่ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย ในวันนี้ และ การประชุม กนง.ในสัดาห์หน้า คาดเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดฯในช่วงที่ เหลือของเดือน ส่วนวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET 1367-1380 จุด โดยหุ้น TOPPICKS วันนี้เลือก CBG HMPRO PTT
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities