April investment outlook
April: สําหรับภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนเมษายน คาดว่าจะเคลื่อนไหว ออกด้านข้างต่อไป ท่ามกลางวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากเข้าสู่ ช่วงเทศกาลหยุดยาว แต่จะมีปัจจัยชี้ชะตาที่สําคัญคือการประชุมกนง.ที่รอ อยู่ในวันที่ 10 เมษายน เบื้องต้น ประเมินกรอบการแกว่งตัวของดัชนีที่ 1350-1410 จุด โดยมีปัจจัยที่น่าติดตามดังต่อไปนี้
1) รายงานดัชนีภาคการผลิตทั่วโลกประจําเดือนมีนาคม ซึ่งล่าสุดประเทศ จีนประกาศออกมาแล้วทีระดับ 50.8 ดีกว่าที่ตลาดคาด และเป็นการยืน เหนือระดับ 50.0 ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน มองเป็นปัจจัยเชิงบก ต่อภาคการส่งออกของไทยในช่วงถัดไป
2) การขึ้นทูลเกล้าร่างกฎหมายงบประมาณประจําปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท มองการออกกฎหมายฉบับนี้จะทําให้การเบิกจ่าย ภาครัฐเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาสที่ 2 นี้ เป็นบวกต่อภาพ เศรษฐกิจไทย
3) การประชุมกนง.ในวันที่ 10 เมษายน คาดว่ากนง.จะมีมติคงดอกเบี้ยที่ ระดับ 2.50% ต่อไป แต่จํานวนเสียงที่เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยมี สูงขึ้น สอดคล้องไปกับประมาณการเศรษฐกิจรอบใหม่ที่จะออกมา อ่อนแอลงในรอบนี้ ทั้งนี้ ประเมินหากกนง.มีมติเห็นควรให้ปรับลด ดอกเบี้ยในรอบนี้ทันที จะเป็นผลลบต่อตลาดหุ้นไทย ผ่านช่องทาง Fund flow ที่อาจไหลออกเพิ่มขึ้น และเงินบาทที่มีโอกาสปรับตัวอ่อน ค่า จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ถ่างกว้างมากขึ้น
4) ความชัดเจนของมาตรการ Digital Wallet จากการประชุมบอร์ดดิจิทัล ชุดใหญ่ที่มีนายกฯเป็นประธานในวันที่ 10 เมษายน
5) การประชุม FOMC ในวันที่ 30 เมษายนต่อเนื่องถึงวันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งคาดว่า Fed จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายแต่อย่างใด
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ แนะน่าถือครองหุ้นในส่วนเดิมได้ต่อไป หลังจากที่ได้มีการเพิ่มนํ้าหนักบางส่วนไปที่ระดับดัชนี SET 1370 จุดเมื่อ เดือนที่ผ่านมา แม้ Upside ของดัชนีจะยังไม่มาก แต่ประเมินว่า Downside ของดัชนีก็อยู่ในระดับที่จํากัดเช่นกัน มองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจประจําเดือนนี้ ได้แก่ กลุ่มที่มีปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจสนับสนุน และมีปัจจัยบวก เฉพาะตัว ได้แก่
1) กลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง ตามความคาดหวังการเบิกจ่ายภาครัฐ อาทิ CK, STEC, GLOBAL DOHOME
2) กลุ่ม Consumer staple ตามพัฒนาการของมาตรการ Digital Wallet อาทิ CPALL (BK:CPALL), CPAXT, BJC
3) กลุ่มเครื่องดื่ม ตามสภาวะอากาศที่เข้าสู่ช่วงร้อนจัด ได้แก่ ICHI, SAPPE
4) กลุ่มส่งออกที่เห็นการขยายตัวดี ได้แก่ AAI, ITC, COCOCO, PLUS, STGT, TU, XO
Liquidity: ธปท.รายงานตัวเลข M2 ปรับตัวสูงขึ้น 2.55% (รูปที่ 1) แม้ยังเป็นลักษณะของการฟื้นตัวจากฐาน า แต่เป็นอัตราการเติบโตสูงสุด ในรอบเกือบ 1 ปี ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ เม็ดเงินในบัญชี FCD (เงินฝาก เงินตราต่างประเทศ) มีการปรับลงมาแล้ว (รูปที่ 2) ถือเป็นการปรับลงครั้ง แรกในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities