รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

Volume ต่ำ นักลงทุนลดความเสี่ยงช่วงรายงานงบ 

เผยแพร่ 20/02/2567 09:09

วานนี้มูลค่าซื้อขายหุ้นไทย 3.2 หมื่นล้านบาท เบาบางที่สุดเป็นอันดับ 3 ของปีนี้ เกิดจากนักลงทุนชะลอการลงทุน ลดความเสี่ยงในช่วงประกาศงบ 4Q66 หลัง ตัวเลข GDP4Q66 ออกมาต่ำ โดยเติบโตเพียง 1.7%YoY และ -0.6%QoQ ขณะเดียวกันในเดือนนี้ยังเห็นหุ้นใน SET50 ถูก Bloomberg Consensus ทยอย ปรับประมาณการเป้าหมายและกำไรปีนี้ลงถึง 34 บริษัท มีเพียง 16 บริษัทที่คง หรือเพิ่มเป้าหมายขึ้น อย่าง EA, EGCO, TOP, GPSC, TU, PTTGC, BEM, PTTEP, MINT, CPALL (BK:CPALL), BDMS คาดน่าจะ Outpeform ตลาดได้ดีในช่วงนี้

ประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังการลดดอกเบี้ยของกนง.ในระยะถัดไป มากขึ้น สังเกตได้จาก Bond Yield 10 ปีไทย ลดลงมาเรื่อยๆ ล่าสุดอยู่ที่ 2.57% สูงกว่าดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% เพียง 7 bps. เท่านั้น สวนทางกับ Bond Yield 10 ปีสหรัฐ ที่ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4.32% สูงสุดในปีนี้ เป็น Sentiment บวกต่อ KTC, AEONTS, TIDLOR, SAWAD, MTC, TISCO, AP, ADVANC, MAJOR

สุดท้ายเช้านี้PBOC ปรับดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1-5 ปี ลดลงเหลือ 3.4% และ 3.95% ซึ่งเป็นระดับที่น้อยกว่าคาดและต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ถือเป็น Sentiment ที่ดี ต่อหุ้นอิงเศรษฐกิจจีน อย่าง SCGP, IVL, PTTGC, AOT (BK:AOT) เป็นต้น กลยุทธ์การลงทุนช่วงตลาดซึมๆ เลือกหุ้นมีแรงหนุนเฉพาะตัว อย่าง SCGP, AP, BEM

ลุ้นเศรษฐกิจจีนกลับมาคึกคัก น่าจะเป็นแรงผลักเศรษฐกิจไทย

สัญญาณการฟื้นตัวของภาคบริโภคจีนที่เริ่มกลับ ถือว่าเป็นปัจจัยเชิงบวกที่ช่วงหนุน ให้รวมเศรษฐกิจค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งจากรายงานของกระทรวงวัฒนธรรมและการ ท่องเที่ยวจีน เผยว่ายอดการเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศจีนอยู่ที่ 474 ล้านครั้ง ในช่วงวันหยุดยาวตรุษจีน 8 วัน (10-17 ก.พ) เพิ่มขึ้น 19% เมื่อช่วงก่อนโควิด (ปี 2562) ขณะที่ยอดการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในจีนเพิ่มขึ้นเกือบ 8% เมื่อเทียบกับปี 2562 แตะที่ระดับ 6.33 แสนล้านหยวน

นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีน ยังดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น โดย ล่าสุดเช้านี้ PBOC ปรับดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1-5 ปี ลดลงเหลือ 3.4% และ 3.95% ซึ่ง เป็นระดับที่น้อยกว่าคาดและต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งแรง หนุนเพิ่มเติมในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีน

สรุป เศรษฐกิจจีนที่ยังสัญญาณค่อยๆ ฟื้นตัว ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ ไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากจีนถือเป็นประเทศคู่ ค้าสำคัญอันดับ 1 ของไทย (ปี 2566) รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเที่ยวในบ้าน เราเป็นอันดับต้นๆ ในช่วงก่อนโควิด-19

GDP 4Q66 ออกมาต่ำคาด กดดันประมาณการ EPS เช่นกัน

วานนี้สภาพัฒน์รายงานตัวเลข GDP Growth ของไทยปี 2566 อยู่ที่ +1.9%YoY ต่ำ กว่าตลาดคาดที่ +2.1%YoY แต่สูงกว่า สศค. คาดที่ +1.8%YoY ทำให้เศรษฐกิจไทย ใน 4Q66 ออกมา +1.7%YoY(ต่ำกว่าคาด +2.5%YoY) และ -0.6%QoQ(ต่ำกว่า คาด -0.2%QoQ) โดยภาพรวมใน 4Q66 ขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาสก่อน โดยมีแรงส่ง มาจากการลงทุนภาคเอกชน (+5.0%), การบริโภค (+7.4%), การส่งออก (+4.6%), การนำเข้า (3.1%) ขณะที่การเบิกจ่ายของรัฐบาลที่ล่าช้า กดดันให้เกิดการชะลอตัวใน การลงทุนภาครัฐ (-20.1%) และการใช้จ่ายภาครัฐ (-3.0%)

ซึ่งหากพิจารณาความเสี่ยงในการเข้าสู่ภาวะ Technical Recession (GDP ติดลบ ต่อกัน 2 ไตรมาส) ถือมีว่าโอกาสเกิดขึ้นน้อย เนื่องจาก GDP 4Q66 ที่ออกมา - 0.6%QoQ ซึ่งทำให้ GDP 1Q67 ควรโตอย่างน้อยๆ +0.2%YoY เพื่อทำให้รอดพ้น จากภาวะ Technical Recession ซึ่งมีโอกาสสูงที่ GDP 1Q67 จะกลับมาเติบโตเด่น เนื่องจากมีปัจจัยหนุนหลักๆ มาจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้า การขยายตัว ในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคผ่านมาตรการ Easy e-receipt บวกกับการฟื้นตัว ต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ขณะที่หากพิจารณาในมุมของประมาณการ EPS ก็มีการทยอยปรับลงเช่นกัน โดย Bloomberg consensus ปรับลด EPS67F จาก 100 บาท/หุ้น(ในช่วงต้นปี) เหลือ 97.3 บาท/หุ้น ซึ่งจากสถิติในอดีต บ่งชี้ว่าปกติตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวตามการปรับ ประมาณการ EPS เสมอ

โดยล่าสุด หุ้นใน SET50 ที่ถูกปรับประมาณการลงในเดือนนี้มีอยู่ 34 บริษัท สร้าง ผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ต้นเดือน +0.9% น้อยกว่า SET Index ที่สร้างผลตอบแทน +1.67% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่ง 10 บริษัทที่ถูกปรับประมาณการลงเยอะสุด คือ JMT BANPU RATCH SAWAD IVL COM7 BTS AWC OSP TRUE เป็นต้น

ขณะที่หุ้นใน SET50 อีก 16 บริษัท ถูกปรับประมาณการขึ้นในเดือนนี้ และ สร้าง ผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ต้นเดือน +2.5% อาทิ EA EGCO TOP GPSC TU CENTEL PTTGC BEM PTTEP MINT CPALL BDMS KBANK (BK:KBANK) TTB JMART SCC

สรุป GDP 4Q66 ออกมาต่ำคาด และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Technical Recession ในอนาคต ขณะที่ประมาณการ EPS ก็ถูกทยอยปรับลงเช่นกัน ตามกำไร 4Q66 ของ บริษัทจดทะเบียนที่ต่ำคาด ดังนั้นประเด็นดังกล่าว จะกดดัน SET Index ระยะถัดไป ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังหาหุ้นที่พอจะแข็งกว่าตลาดฯได้ นั้นคือ หุ้นใน SET50 ที่ถูกปรับประมาณการขึ้นในเดือนนี้ อาทิ EA EGCO TOP GPSC TU CENTEL PTTGC BEM PTTEP MINT CPALL BDMS KBANK TTB JMART SCC

เศรษฐกิจไทยโตน้อย หวังมาตรการกระตุ้นมากขึ้น

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อาทิ จีน ยุโรป สหรัฐฯ เป็นต้น เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถใช้เงินงบประมาณได้ จึงกดดันให้การใช้ จ้ายภาครัฐหดตัว ในอีกมุมหนึ่งยังทำให้กระแสเร่งให้ กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย แรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะสภาพแวดล้อมบ้านเราเอื้อต่อการใช้นโยบายการเงินผ่อน คลาย ทั้งเงินเฟ้อติดลบและ GDP Growth ขยายตัวได้น้อยกว่าคาด (ในอดีตดอกเบี้ย ไทยมักจะต่ำ ตาม GDP และเงินเฟ้อ)

นอกจากนี้สัญญาณดอกเบี้ยขาลงในบ้านเรายังชัดเจนมากขึ้น สะท้อนจาก Bond Yield 10 ปี ไทย 2.57% เข้าใกล้ดอกเบี้ยนโยบายมากขึ้นทุกที แม้ Bond Yield 10 ปี สหรัฐ จะขึ้นทำจุดสูงสุดในปีนี้ที่ 4.32% แสดงให้เห็นว่านักลงทุนคาดหวังการกระตุ้น เศรษฐกิจในระยะถัดไป

ขณะที่ช่วงการเริ่มต้นลดดอกเบี้ย มักจะเป็นจุดเริ่มต้นการขึ้นรอบใหญ่ของหุ้นกลุ่ม FIN เสมอ โดยอาจจะหาโอกาสเข้าเก็งกำไร KTC, AEONTS, TIDLOR, SAWAD, MTC ได้

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย