การประชุมของคณะกรรมการ Digital Wallet วานนี้ถูกเลื่อนออกไป หลังมีการ เผยแพร่เอกสารความเห็นของ ปปช. (อย่างไม่เป็นทางการ) โดยในเอกสารระบุ 4 ปัจจัยเสี่ยง และ 8 คำแนะนำ ซึ่งหากพิจารณาในแต่ละประเด็นแล้ว เราเห็นว่าเป็น การเพิ่มความเสี่ยงให้กับการเกิดขึ้นของโครงการ Digital Wallet ตั้งแต่ กระบวนการกู้เงิน ไปจนถึงการเติมเงินเข้า Digital Wallet และการใช้จ่าย นอกจากนี้ยังย้อนไปถึงรูปแบบโครงการที่หาเสียงกับที่จะปฎิบัติจริง ซึ่งมีความ แตกต่าง อย่างไรก็ตามหากโครงการดังกล่าวไม่เกิดขึ้นก็อาจมีทั้งผลดีและผลเสีย เริ่มจากฐานะการคลังของประเทศซึ่งมองว่าระดับความเสี่ยงลดลง , GDP Growth เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยปี 2567 น่าจะโต 3.2% YoY , ในส่วนของ SET Index ภาพรวมอาจกระทบไม่มาก แต่จะเห็นแรงกดดันหลักที่กลุ่มค้าปลีก
ในทาง Technical ประเมินว่า SET Index อยู่ในช่วงของการพักฐานเพื่อ เตรียม ปรับขึ้นได้ต่อ แต่มูลค่าการซื้อขายยังบางกว่าที่ควร วันนี้คาด SET Index อยู่ใน กรอบ 1395 –1408 จุด หุ้น Top Pick เลือก AP, III และ MAJOR
ความไม่สงบในทะเลแดง ยังมีโอกาสหนุนให้ราคาน้ำมันดิบ
แม้วานนี้ราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI ปรับตัวลง 0.3% -0.4% หลัง Dollar index แข็งค่าขึ้น 0.92% อยู่ที่ระดับ 103.35 จุด อย่างไรก็ตามความไม่สงบในทะเลแดงยังมี เพิ่มเติม โดยมีรายงานว่ากองทัพสหรัฐได้ทำการโจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏฮูตีใน เยเมนระลอกใหม่ ซึ่งถือเป็นการตอบโต้ของสหรัฐฯ หลังจากกลุ่มฮูตีได้ยิงขีปนาวุธ โจมตีเรือสินค้าของสหรัฐขณะแล่นอยู่ที่อ่าวเอเดนนอกชายฝั่งเยเมน ซึ่งประเด็น ดังกล่าวยังต้องติดตามต่อไปว่าจะมีทิศทางเป็นเช่นไร และกดดัน Supply ของตลาด น้ำมันดิบโลกหายไปมากน้อยเพียงใด โดยฝ่ายวิจัยฯคาดว่าราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI มีโอกาสแกว่งทรงตัวในขาขึ้นระดับ 80-85 เหรียญฯ/บาร์เรลในระยะถัดไป ขณะที่นักลงทุนยังอดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ใน วันนี้ และตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้าน การพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบผัน ผวนได
ส่วนหุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากความไม่สงบในทะเลแดง คือ หุ้นกลุ่มโรงกลั่น อาทิ PTT (BK:PTT) PTTEP TOP SPRC เป็นต้น
ดังนั้นด้วย Sentiment เชิงบวกจากความไม่สงบในทะเลแดง หนุนให้ราคาน้ำมันดิบมี โอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ คาดเป็นปัจจัยหนุนต่อ SET Index ที่มีสัดส่วนหุ้นกลุ่ม พลังงานราว 33% ของน้ำหนักทั้งหมด โดยวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวในกรอบ 1395-1408 จุด ส่วนหุ้นที่ได้ Sentiment เชิงบวก คือ หุ้นกลุ่มโรงกลั่น อาทิ PTT PTTEP TOP SPRC เป็นต้น
เสียงเตือนจาก ป.ป.ช. แจก Digital Wallet จะได้ไปต่อ ?
วานนี้รัฐบาลเลื่อนการประชุมบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ตออกไป หลังมีความเห็นจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อป้องกันการ ทุจริตเกี่ยวกับการดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โดยแบ่งเป็นประเด็นสุ่มเสี่ยง 4 ข้อใหญ่ และข้อเสนอแนะ 8 ข้อ ดังนี้
ประเด็นความเสี่ยง
1. ประเด็นความเสี่ยงต่อการทุจริต : จากกรณีที่พรรคเพื่อไทยเสนอนโยบาย ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งกับการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา มีความแตกต่าง ทั้งใน แง่แหล่งที่มาของเงินและเงื่อนไขของโครงการฯ เป็นข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เป็นการหา เสียงโดยที่ไม่มีความพร้อม ไม่ได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่มีอย่างรอบคอบ อาจขัด พ.ร.ป. เลือกตั้งสส. มาตรา 73 (1) หรือมาตรา 136 วรรค 1 นอกจากนี้ ยังมีเสี่ยงต่อการทุจริตจากกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับเงินจากโครงการฯ
2. ประเด็นความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ : รัฐบาลดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้เศรษฐกิจที่ไม่เข้าขั้นวิกฤต โดยหากพิจารณาข้อมูลจาก ธปท. GDP Growth ของไทยในปี 2567-68 กรณีที่ไม่มีโครงการ Digital Wallet ยังคง ขยายตัวต่อเนื่องที่ +3.2%YoY และ +3.1%YoY ตามลำดับ ดังนั้น การ กระตุ้นดังกล่าว จำเป็นต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและความจำเป็น ตลอดจน ผลกระทบ กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือ และภาระทางการเงินการ คลังในอนาคต
3. ประเด็นความเสี่ยงด้านกฎหมาย : จากการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยใน ปัจจุบันไม่เข้าข่ายวิกฤต จึงไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนและต่อเนื่องที่จะต้อง ดำเนินการเพื่อแก้ไขผ่านการใช้ พรบ. เงินกู้
4. ประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง : เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ประเด็นยังไม่มี ความชัดเจนว่า จะมีการปรับปรุงระบบ “เป๋าตัง” ให้มาใช้บล็อกเชนได้อย่างไร จะปรับใช้เมื่อใด ซึ่งอาจไม่ทันต่อการดำเนินโครงการฯ
ข้อเสนอแนะจาก ป.ป.ช.
1. การดำเนินโครงการฯ รัฐบาลต้องศึกษา วิเคราะห์ให้เห็นผลอย่างเป็น รูปธรรมว่าผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ จะไม่ตกแก่พรรคการเมือง หรือ หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
2. ก.ก.ต. ควรตรวจสอบนโยบายเสียงเพื่อไทยและการแถลงนโยบายที่แตกต่าง กัน เพื่อนำมาพิจารณาว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
3. การกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน จำเป็นต้อง พิจารณาโครงสร้างทางเศรษฐกิจเนื่องจากไทยยังไม่เข้าข่ายวิกฤตเศรษฐกิจ
4. ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าและความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจตลอดจน ผลกระทบ และภาระทางการเงิน การคลังในอนาคต
5. ควรพิจารณาประเด็นความเสี่ยงด้านกฎหมายอย่างรอบคอบ
6. ควรกำหนดแนวทางหรือมาตรการในการบริหารความเสี่ยง และการป้องกัน การทุจริต ตลอดจนการตรวจสอบในการดำเนินโครงการฯ
7. ควรพิจารณากลุ่มประชาชนเป้าหมายที่เปราะบางที่สุดที่ต้องการความ ช่วยเหลืออย่างแท้จริง
8. พิจารณาใช้แอปพลิเคชันเป๋าตังค์แทนบล็อคเชน
ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลกระทบกรณีที่โครงการ Digital Wallet ไม่เกิดขึ้น ดังนี้
1. ความเสี่ยงฐานนะทางการคลังไม่เพิ่มขึ้น เปิด Room ในการก่อหนี้สร้างขีด ความสามารถทางการแข่งขันของประเทศในระยะยาวเพิ่มขึ้นในอนาคต
2. การแข็งค่าของเงินบาทอาจเร่งตัวขึ้น จากภาระทางการคลังที่เบาลง
3. เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องถึงแม้จะไม่มีโครงการฯ โดยยัง มีแรงฟื้นตัวจากภาคการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวเป็นหลัก
4. หุ้นกลุ่มค้าปลีกอาจได้รับผลกระทบในเชิงลบ
อย่างไรก็ตาม รมว. กระทรวงการคลัง ยังมั่นใจว่าแจกเงิน 10,00 บาท ได้ตามกรอบ เวลาเดิมในเดืน พ.ค.67 ทั้งนี้ รัฐบาลจะรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายที่เสนอมาเกี่ยวกับ การดำเนินโครงการแจกเงิน Digital Wallet
สรุป การดำเนินโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยผ่านโครงการแจกเงิน Digital Wallet ยัง เต็มไปด้วยความเสี่ยง ทั้งการทุจริจ ด้านเศรษฐกิจ ด้านกฎหมาย และอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินผลกระทบกรณีที่โครงการ Digital Wallet ไม่ เกิดขึ้น เชื่อว่าจะทำให้ภาระทางการคลังเบาลง หนุนให้เงินบาทเร่งตัวแข็งค่า ขณะที่ เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มค้าปลีกอาจ ได้รับผลกระทบในเชิงลบ
ตลาดหุ้นไทยเต็มไปด้วยความผันผวน แนะเติมหุ้นปันผลเข้า พอร์ต ชอบ AP MAJOR
ยามที่ตลาดหุ้นผันผวน หนึ่งในหลุมหลบภัยอันดับต้นๆ ที่นักลงทุนนึกถึง คือ หุ้นปัน ผลสูง โดยฝ่ายวิจัยฯ ทำการศึกษา โดยการเปรียบเทียบผลตอบแทนในยามที่ตลาด หุ้นลงแรงๆ ตัวแทนหุ้นปันผลสูง อย่าง SETHD TRI Index (ดัชนีหุ้นปันผลสูงที่มีการ บวกปันผลกลับ) ผันผวนน้อยกว่าตลาดฯ หรือ SET TRI Index (ดัชนีหุ้นปันผลสูงที่ มีการบวกปันผลกลับ) มาก อาทิ ในปี 2023 SET TRI -12.66% แต่ SETHD TRI ผัน ผวนน้อยกว่ามาก -1.94% เป็นต้น
และถ้าหา Timing ที่เหมาะสม ในการสะสมหุ้นปันผลตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา พบว่า ช่วง เดือน ม.ค. ถึง เม.ย. เป็นจุดที่น่าสะสมหุ้นปันมากสุด โดย SETHD TRI ให้ผลตอบแทน เฉลี่ยสูงถึง 4.9% และทิ้งห่าง SET Index ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว3.1% ราว 1.8% แม้ในระยะถัดไปจะย่อตัวบ้าง แต่ภาพรวมระยะยาวหุ้นปันผลสูงยังให้ผลตอบแทนที่ ดีกว่าตลาดฯ
ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ ทำการคัดกรองหุ้นปันผลสูงน่าลงทุนดังนี้
1. เป็นหุ้นปันผลสูง โดยมี Dividend Yield > 4% ต่อปี
2. เป็นหุ้นพื้นฐานดีโดยฝ่ายวิจัยแนะนำ Outpeform
3. เป็นหุ้นมี ESG Rating อยู่ในเกณฑ์ดีรับกระแสการลงทุนพร้อมกับเม็ดเงิน ใหม่ๆ หนุน (ESG Rating > A)
สรุป ปัจจัยภายนอกและภายในที่ไม่แน่นอน ล้วนหนุนให้หุ้นปันผลสูงควรโดดเด่นอีก ครั้ง สอดคล้องกับสถิติในอดีต ดังเนื้อหาด้านบน ส่วนหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯชื่นชอบ คือ TISCO LH INTUCH AP SCCC MAJOR ADVANC
ส่วน Toppicks เลือก AP MAJOR จากกลุ่มปันผลสูง และ III จากหุ้นแนวโน้มกำไร 4Q66 จะเป็นช่วง Peak ของปี
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities