รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

หาหุ้นรับ BOND YIELD และราคาน้ำมันลง 

เผยแพร่ 08/11/2566 09:19
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ตลาดหุ้นน่าจะได้แรงหนุน หลังจาก IMF มีการปรับ GDP ปีนี้และปีหน้าขึ้นจาก 5.0% และ 4.2% เป็น 5.4% และ 4.6% ตามลำดับ หลังรัฐบาลออกนโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้เม็ดเงินยังมีการไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง จาก BOND YIELD สหรัฐที่ขยับลงต่อเหลือ 4.56% ( -37 BPS. MTD) โดยส่วนใหญ่ จะเอนเอียงไปที่หุ้นเติบโตเป็นหลัก สะท้อนได้จากดัชนี MSCI GROWTH ขึ้นได้แรง กว่า MSCI VALUE ในเดือนนี้ถึง 5% ส่วนตลาดหุ้นไทยที่ส่วนใหญ่เป็นหุ้น VALUE ได้กระแสจากประเด็นดังกล่าวน้อยกว่า บวกกับถูกกดดันจากราคา น้ำมันที่ย่อตัวแรงกว่า -4.5% ในวานนี้ แต่ยังมีกลุ่มหุ้นที่รับกระแสบวกจาก BOND YIELD ขยับลง คือ หุ้นรับกระแสดอกเบี้ยลง TIDLOR, MTC, SAWAD หุ้นเทคฯ HANA, KCE, DELTA, NEX, EA และหุ้น BETA สูงน่าลงทุน STEC, SIRI, GUNKUL เป็นต้น และหุ้นรับราคาน้ำมันขยับลง คือ หุ้นขนส่ง AAV, BEM, OR, หุ้น ANTI-COMMODITY BGRIM, GPSC, GULF, TASCO, SCCC, SCC, PTTGC

ประเมินปัจจัยแวดล้อมมีน้ำหนักทางบวกมากกว่าลบ คาดช่วยพยุงให้ SET INDEX สามารถขยับตัวในกรอบ 1400 – 1416 จุด หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก BEM, PTTGC และ CRC

ยอดนำเข้าจีนพลิกบวกในรอบปี หวัง DEMAND เริ่มกลับมา

วานนี้มีรายงานตัวเลขภาคการค้าระหว่างประเทศของจีนเดือน ต.ค. โดยยอดส่งออก อยู่ที่ -6.4%YOY ซึ่งค่อนข้างทรงตัวกับเดือนก่อนที่ -6.4%YOY ขณะที่ยอดนำเข้า อยู่ที่ +3.0%YOY พลิกบวกครั้งแรกในรอบปี จึงคาดหวังว่า DEMAND ภายในประเทศจีนน่าจะกำลังทยอยฟื้นตัวกลับมา ขณะที่ข้อมูลในช่วงก่อนเกิดโควิด19 หลายๆ ครั้งที่ภาคการนำเข้าจีนมักมีการดีดตัวขึ้นมาก่อนภาคการส่งออกราว 1- 2 เดือน บวกกับภาคการบริโภคที่เริ่มกลับมาคึกคัก

ทั้งนี้ ยอดการนำเข้าของจีนที่ปรับตัวดีขึ้น เชื่อว่าจะเป็นแรงส่งมายังภาคส่งออกบ้าน เราด้วยเช่นกัน เป็นเพราะจีนเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 1ของไทย ซึ่งมีสัดส่วนราว 18% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดในปี 2565 ขณะที่ภาคส่งออกไทยมักขยับไปในทิศทาง เดียวกับภาคการนำเข้าของจีนเนื่องด้วยมีค่า CORRELATION สูงถึง 0.71

นอกจากนี้ภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัว คาดว่าจะแรงส่งต่อเศรษฐกิจไทยได้อีก ทาง ขณะที่ล่าสุด IMF ได้ปรับประมาณการ GDP จีนในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น +5.4% (เดิมคาด 5.0%) และในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น +4.6% (เดิมคาด 4.2%) ส่วนหนึ่ง เนื่องจาก GDP ใน 3Q66 ขยายตัวได้ตีกว่าคาด อีกทั้งรัฐบาลจีนยังได้มีการออก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งแก้ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ กำลังฉุดกำลังเป็นปัจจัยที่ฉุดการบริโภคของอยู่ในปัจจุบัน

สรุป ภาคการค้าระหว่างประเทศของจีนส่งสัญญาณดีขึ้นจากการนำเข้าที่พลิกบวก ในรอบปี อาจสะท้อนท้อนได้ว่า DEMAND ภายในประเทศจีนกำลังเพิ่มขึ้น และเชื่อว่า จะเป็นแรงหนุนให้ภาคการส่งออกค่อยๆ ฟื้นตัวตาม ขณะที่เศรษฐกิจจีนที่ขยายตัว คาดว่าจะแรงส่งต่อเศรษฐกิจไทยได้อีกทาง แนะนำหุ้นธีม CHINA PLAY อาทิ SCGP PTTGC IVL TKN HANA KCE เป็นต้น

วานนี้มีประชุม ครม. ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ และเกี่ยวข้องกับหุ้น กลุ่มไหนบ้าง

วานนี้มีการประชุม ครม. ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้

• นายกฯ สั่งการเรื่องการทำเหมืองแร่โปแตช โดยขอให้ดำเนินการด้วยความ เร่งรัดหากไม่ได้ขอให้จัดประมูลใหม่ ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ได้ประธานบัตรในการทำ เหมืองแร่โปแตชไปแล้ว 3 ราย แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเปิดพื้นที่ทำเหมืองได้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องเงินทุนในการดำเนินกิจการ ซึ่งต้องติดตามต่อว่า ประเด็นดังกล่าวจะดำเนินไปทางใด รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือ หรือ บริษัท หาแหล่งเงินทุนได้สำเร็จ ซึ่งหุ้นที่เกี่ยวข้องคือ ITD และ TRC

• ครม. เห็นชอบโครงการชะลอสินเชื่อขายข้าวเปลือกนาปีความชื้น 25% ให้เก็บ เป็นเวลา 5 เดือน โดยที่รัฐบาลจะแทรกแซงให้สินเชื่อ ตันละ 12,000 บาท และให้ ค่าเก็บรักษาคุณภาพข้าวตันละ 1,500 บาท เป้าหมาย 3 ล้านตัน และมีมติให้ สินเชื่อเพื่อให้สถาบันการเกษตร ซื้อแทรกแซงตลาด โดยซื้อในราคานำร่อง ข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้น 25% ราคาตันละ 12,200 บาท เป้าหมาย 1 ล้าน ตัน ซึ่งทั้ง 2 โครงการใช้วงเงินรวม 10,600 ล้านบาท ที่เหลือเป็นสินเชื่อ 44,437 ล้านบาท

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

• ครม.อนุมัติมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 66/67 เพื่อ รักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยสนับสนุนดอกเบี้ยแก่ ผู้ประกอบการค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และ/หรือใช้วัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์ ที่กู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์/ธนาคารของรัฐ โดยมีเป้าหมายวงเงินกู้ 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยและการสนับสนุน ธ.ก.ส. คิดดอกเบี้ยเงินกู้ตาม โครงการฯ ในอัตรา 4.85% ต่อปีแบ่งเป็นสถาบันเกษตรกรรับภาระในอัตรา 1% ต่อปี และรัฐบาลสนับสนุนดอกเบี้ยแก่ ธ.ก.ส. ในอัตรา 3.85% ต่อปี เป็น ระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน ระยะเวลาจ่ายสินเชื่อ 1 ต.ค. 66 - 31 พ.ค. 67 ระยะเวลาโครงการ 1 ต.ค. 66-30 มิ.ย. 68ซึ่งหุ้นที่เกี่ยวข้องคือ ITC และ AAI

ขณะที่ประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจ คือ นโยบาย DIGITAL WALLET ซึ่งล่าสุดรมช. คลัง ยืนยันว่า 10 พ.ย.66(วันศุกร์นี้) นายกรัฐมนตรี จะมีการแถลงความชัดเจนของ โครงการนี้แน่นอน ซึ่งจะทราบรายละเอียดทั้งหมดของโครงการ ทั้งเรื่องของจำนวนคน ได้รับสิทธิ, พื้นที่ที่สามารถใช้สิทธิได้เป็นต้น ถือเป็นกระเชิงบวกต่อหุ้น CPALL (BK:CPALL), CRC, HMPRO, DOHOME, CPAXT เป็นต้น

สรุป นโยบายของรัฐบาลทยอยออกมาช่วยเหลือภาระประชาชนเรื่อยๆ(สังเกตจาก CPI เดือนล่าสุด ติดลบ YOY) ซึ่งระยะถัดไปคาดหวังนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมี DIGITAL WALLET เป็นตัวนำ เพื่อคาดหวัง GDP GROWTH ปี 2567 เติบโต 5%YOY คาดเป็นจุดเด่นให้ต่างชาติกลับมาสนใจประเทศไทย และลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อม

หาหุ้นรับมือ BOND YIELD สหรัฐ และราคาน้ำมันลง

ในเดือน พ.ย. นี้ BOND YIELD 10 ปีสหรัฐ ปรับตัวลงมากว่า 37 BPS. จาก 4.93% เหลือ 4.56% หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงปริมาณมาก โดยให้น้ำหนักเอนเอียง ไปที่ GROWTH STOCK สะท้อนได้จากดัชนี MSCI GROWTH ปรับตัวขึ้นได้แรงกว่า MSCI VALUE ในเดือนนี้ถึง 5%

และจะเห็นได้ว่า หุ้นกลุ่มเทคฯ ปรับตัวขึ้นได้แรงสุดกว่า 7.0% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงาน ติดลบอยู่กลุ่มเดียว-0.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน

กลับมาที่ตลาดหุ้นไทยหุ้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้น VALUE เช่นเดียวกับกลุ่ม TIP จึงได้ แรงหนุนจากกระแส BOND YIELD สหรัฐขยับลงได้น้อยกว่า เลยทำให้ FUND FLOW ยังไหลกลับเข้ามาแบบไม่ได้ชัดเจนนัก คือ ในเดือนนี้ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเอเชีย เหนือทั้งเกาหลีใต้ - ไต้หวันกว่า 1.3 และ 1.5 พันล้านเหรียญฯ ตามลำดับ แต่ยังขาย สุทธิกลุ่ม TIP

อย่างไรก็ตามประเด็น BOND YIELD สหรัฐ และราคาน้ำมันลงจะกดดันหุ้นน้ำมัน และ กลุ่มธ.พ. แต่ยังมีหุ้นไทยบางกลุ่มได้ประโยชน์ ดังนี้

1. หุ้นรับกระแสราคาน้ำมันลงแรง 1.1 หุ้นขนส่ง AAV, BEM, OR 1.2 หุ้น ANTI-COMMODITY BGRIM, GPSC, GULF, TASCO, SCCC, SCC, PTTGC

2. หุ้นรับกระแส BOND YIELD สหรัฐปรับลง

2.1 หุ้นรับกระแสดอกเบี้ยลงTIDLOR, MTC, SAWAD

2.2 หุ้นกลุ่ม TECHNOLOGY คาดหวังการเติบโต HANA, KCE, DELTA,

NEX, EA

2.3 หุ้นกลุ่ม HIGH BETA JMART STEC CBG SIRI

สรุป MSCI ACWI INDEX แสดงให้เห็นว่าหุ้นกลุ่ม GROWTH มีความน่าสนใจ และ OUTPERFORM ได้มากกว่าหุ้นกลุ่ม VALUE ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ FLOW ต่างชาติยังไหลเข้าประเทศโซนเอเชียเหนือชัดเจนกว่ากลุ่ม TIP อย่างไรก็ตาม SET INDEX ยังมีกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็น BOND YIELD สหรัฐ และราคาน้ำมัน ลง ตามเนื้อด้านบน ส่วน TOPPICKS วันนี้เลือก BEM CRC PTTGC

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย