Export oriented for 4Q
• ในเชิงกลยุทธ์ จากกรอบ Upside ของดัชนี SET ที่ยังคงจํากัด เมื่อเทียบ กับเป้าหมายของเราที่ระดับดัชนี 1515 จุด หากกนง.มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย อีก 1 ครั้ง ทําให้ในภาพรวม เรายังคงแนะน่าชะลอการลงทุนต่อไป ต้องการลงทุน แนะเพียง Selective เก็งกําไรไปยังกลุ่มที่น่าสนใจประจํา สัปดาห์ที่เราเลือกไว้อย่าง 1) ยาง (STA, NER, TEGH) และกลุ่มประกัน (BLA, TLI) รวมไปถึงกลุ่มส่งออกที่น่าถือครองตลอดช่วงไตรมาส 4 (รายละเอียดด้านล่าง)
• Trade data: สาหรับปัจจัยวันนี้ที่น่าติดตามได้แก่รายงานตัวเลขส่ง ออก-น่าเข้าของไทยประจําเดือนสิงหาคม ล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่าจะหด ตัวที่ระดับ 5% และ 10% ตามลําดับ ส่งผลให้ดุลการค้าน่าจะขาดดุลที่ราว 1.8 พันล้านเหรียญฯ
• Our take: สําหรับมุมมองของเราต่อภาคการส่งออกนั้น คาดการณ์ว่าจะมี แนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 ต่อเนื่องไตรมาส 4 จากภาวะ เศรษฐกิจโลกที่ยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดซื้อ PMI ที่ฟื้นตัวจาก จุดด่า และรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในระยะหลังที่ออกมาส่วนใหญ่ Surprise ในทางบวก (รูปที่ 1-2) โดยเฉพาะประเทศจีนที่เริ่มเห็นอานิสงส์ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา เมื่อมาประกอบกับ ปรากฏการณ์ De-stocking ทีบรรเทาลง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากขึ้น น่าจะช่วยสนับสนุนมูลค่าค่าสั่งซื้อที่มีต่อสินค้าของไทยในระยะถัดไปได้ มองเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจสําหรับการ Selective ลงทุนในช่วงไตรมาส 4 นี้ โดยมีหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ KCE, HANA, AAI, ITC, CPF, BTG,
• THB: ส่วนประเด็นการนําเข้า น่าจับตาว่าในเดือนสิงหาคมที่ออกมา จะเริ่ม เห็นผลกระทบของราคาน้ามันดิบที่สูงขึ้นบ้างหรือยัง หากเริ่มมีจนทําให้การ ที่ GFPT, TU น่าเข้าออกมาสูงกว่าคาด จะเป็นปัจจัยกดดันดุลการค้าให้ขาดดุลมากกว่า คาด และน่ามาสู่การอ่อนค่าของเงินบาทต่อไปได้ ล่าสุดเขานี้เงินบาทท่า สถิติอ่อนค่าใหม่ไปแล้วที่ระดับ 36.3 บาท/ดอลลาร์ ถือเป็นสกุลเงินที่อ่อน ค่ามากที่สุดในรอบวันของเอเชีย
• Weekly picks: เรานําเสนอหุ้นเด่นที่น่าสนใจประจําสัปดาห์นี้ ซึ่งมีปัจจัย เชิงบวกทั้งด้านพื้นฐานและธีมการลงทุนระยะสั้นสนับสนุน ได้แก่
1) BCH (ราคาเป้าหมายของเรา 21 บาท): คาดกําไร 2H66 เพิ่มขึ้น HoH เป็นช่วง High Season และคนไข้ต่างชาติเดินทางเข้ามากขึ้น แรงหนุนจากการปรับอัตราการเบิกจ่ายแบบ Fixed Capitation ขึ้น +10% ตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมาส่งผลให้ 3Q66 รับรู้ได้เต็มไตร มาส มีการเพิ่มกลุ่มคนไขใหม่จากประเทศลิเบียและซาอุดีอาระเบีย ซึ่ง กลุ่มตะวันออกกลางมีกําลังซื้อที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ามันที่ปรับตัวสูงขึ้น โรงพยาบาลของไทย ช่วงที่ผ่านมา นอกจากนั้น มาตรการฟรีวีซ่าจะช่วยหนุนให้กลุ่มคนไข้ ต่างชาติเดินทางเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ส่วนระยะสั้น การระบาดอย่าง มากของโรคไข้หวัดใหญ่อาจเป็น Sentiment หนุนหุ้นกลุ่ม
2) JMART (ราคาเป้าหมาย Consensus 25.75 บาท) :ยอดจอง อ iPhone 15 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนในช่วง 2H66 มีมือถือใหม่ เตรียมเปิดตัว ทั้ง Samsung, OPPO, vivo, Xiaomi, realme, HONOR, TECNO คาดผลกาไรปรับดีขึ้นต่อเนื่องได้อานิสงส์จากบริษัทลูกอย่าง JMT ที่เข้าสู่ช่วง High Season ใน 4Q66 ทางด้าน Valuation ชื้อขาย เพียง Forward PE ค่ากว่าค่าเฉลี่ย -0.5SD
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities