วันนี้มีทั้งแรงหนุน และ แรงกด 

การประกาศระงับการส่งออกน้ำมันดีเซล และเบนซิน ของรัสเซีย น่าจะมีผลทำให้ ราคาน้ำมัน รวมถึงค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนต่อหุ้นในกลุ่ม น้ำมันและโรงกลั่น ซึ่งมีสัดส่วน Market Cap สูงในตลาดหุ้นบ้านเรา แต่ ขณะเดียวกัน ก็มีแรงกดดันจากปัจจัยเชิงเศรษฐกิจมหภาค ประเด็นหลักวันนี้เป็น เรื่องภาระหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นในหลายประเทศจนถึงระดับที่น่ากังวล และนำไปสู่ ปัญหาต่อเนื่องอื่นๆ เช่นในสหรัฐฯ ที่ได้ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ และเพิ่ม ความเสี่ยงต่อการที่จะเกิด Government shutdown ส่วนในบ้านเราสัญญาณ ปัญหาดังกล่าวก็เด่นชัดขึ้นมาตามลำดับ โดยทั้ง Fitch Rating และ Moody’s ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่บ้านเราอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ในอีก ด้านหนึ่ง Bloomberg Consensus คาด กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ใน การประชุมสัปดาห์นี้

คาดว่า SET Index วันนี้ น่าจะผันผวนอยู่ในกรอบแคบๆ บริเวณ 1517 – 1527 จุด ส่วน Investment Theme ทำได้ทั้ง China Play, หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก นโยบายรัฐ และราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น หุ้น Top Pick เลือก BBL, CPN และTOP

ดอกเบี้ยสูง...เสี่ยงปัญหาหนี้พุ่งบานปลาย

เมื่อวันศุกร์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนลบราว -0.1% ถึง -0.3% ส่วนหนึ่งมาจาก แรงกดของความเสี่ยง Government Shutdown ในสหรัฐฯ หากสภาไม่สามารถผ่าน ร่างกฎหมายงบประมาณปี 2567 ได้ทัน Deadline วันที่ 30 ก.ย. นี้ ท่ามกลางหนี้ สาธารณะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 33.04 ล้านล้านเหรียญฯ ขณะที่ความคืบหน้า ล่าสุดคณะกรรมาธิการฯ เตรียมร่างงบประมาณ 4 ฉบับ สำหรับสนับสนุนด้าน กลาโหม การเกษตร มลรัฐ (state) และความมั่นคงแห่งมาตุภูมิโดยจะนำเข้าสภา ผู้แทนราษฎรในวันที่ 26 ก.ย. นี้

ขณะที่บ้านเราภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง เพื่อ หนุนให้ GDP ไทยโต 5%ต่อปี ซึ่งในอีกมุมหนึ่งกลับเป็นความเสี่ยงในการก่อหนี้ สาธารณะเพิ่มขึ้น อีกทั้งล่าสุดมูดีส์ ออกมาเตือนถึงปัจจัยเสี่ยงเชิงลบในไทยหลาย ด้าน ทั้งการเป็นสังคมผู้สูงวัย แรงงานขาดทักษะ และผลกระทบจากการเมืองที่หากมี ความขัดแย้งมากขึ้น ก็อาจทำให้ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงได้

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปัจจุบันยังมีเสถียรภาพ และอยู่ในช่วงของการ ฟื้นตัว บวกกับมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนหลักๆ จากภาคการบริโภค และการท่องเที่ยว ทำให้การประชุม กนง. ในวันที่ 27 ก.ย. นี้ Consensus ประเมินว่ามี โอกาสที่จะเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ 2.5% ซึ่งหากเป็นไปตามคาดเชื่อว่า จะเป็นอานิสงค์เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่ม Bank เฉพาะอย่างยิ่ง BBL ที่มี Coverage Ratio สูง

สรุป ปัญหาหนี้สาธารณะที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับมาตราการกระตุ้นแศรษฐกิจ ท่ามกลางดอกเบี้ยสูง ทำให้สหรัฐฯ เสี่ยง Government Shutdown ขณะที่ไทยเสี่ยงต่อ การถูกปรับลด Credit Rating อย่างไรก็ตามภาพรวมเศรษฐกิจไทยปัจจุบันยังมี เสถียรภาพ และอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว บวกกับมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จึงเชื่อว่า จะช่วยลดความกังวลดังกล่าวลงไปได้

ปัจจัยทั้งนอกและใน ช่วยเสริมให้ตลาดหุ้นไทยดูมีเสน่ห์ขึ้น

วันนี้ศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ โดยปรับตัวขึ้น 8.33 จุด ปิดที่ระดับ 1522.59 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ทั้งโซนเอเชีย ยุโรป สหรัฐฯแกว่ง ทรงตัวในกรอบแคบ ซึ่งฝ่ายวิจัยฯคาดว่านับจากนี้ตลาดหุ้นไทยจะ Outperform ตลาดหุ้นอื่นๆ จากเหตุผล 2 ข้อ ดังนี้

1. รัสเซียประกาศระงับส่งออกน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินทั่วโลกอย่างไม่มี กำหนด เพื่อรักษาเสถียรภาพภายในประเทศ ยกเว้น 4 ประเทศสมาชิก สหภาพโซเวียต ได้แก่ เบลารุส, คาซัคสถาน, อาร์เมเนีย และคีร์กีซสถาน ดังนั้นอาจส่งผลให้หลายประเทศ โดยเฉพาะยุโรปที่คาดได้รับผลกระทบต่อ การจัดหาเชื้อเพลิงก่อนฤดูหนาว และอาจทำให้การขาดแคลนน้ำมันในช่วง ไตรมาส 4 ดังนั้นราคาน้ำมันดิบมีโอกาสทรงตัวในระดับสูงต่อไป(Brent / WTI ทรงตัวในระดับ ±90 เหรียญฯ) ซึ่งเป็นผลดีต่อ SET Index ที่มีน้ำหนัก หุ้นกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่น สูงเกือบ 1 ใน 3 ของน้ำหนักทั้งหมด ชอบ PTT (BK:PTT) PTTEP TOP SPRC เป็นต้น

2. วันนี้เริ่มนโยบาย “วีซ่าฟรี" รับนักท่องเที่ยวจีน-คาซัคสถานเข้าไทย ซึ่งล่าสุด ช่วง 7M66 นักท่องเที่ยวคาซัคสถาน 1 แสนคน และจีน 1.8 ล้านคน คาดทำ ให้จำนวนนักท่องเที่ยวของ 2 ประเทศนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ ซึ่งสอดคล้องกับ มุมมองฝ่ายวิจัยที่คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย รายไตรมาสไต่ระดับ QoQ ตั้งแต่ 3Q66 – 1Q67 หลังผ่าน Low season ในงวด 2Q นอกจาก มาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวข้างต้น ยังมีปัจจัยเสริมจาก Golden week ช่วง ต.ค. 66 และตรุษจีน ในช่วง ก.พ. 67 คาดหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจะ Outperform SET รอบสุดท้าย ชอบ AOT (BK:AOT) ในฐานะประตูสู่ประเทศไทย > ERW สัดส่วนราว 90% มาจากโรงแรมไทย > CENTEL สัดส่วน 82% ของ รายได้โรงแรมงวด 1H66 อยู่ในไทย

สรุป ปัจจัยภายนอกและในประเทศ ล้วนหนุนให้ Fund flow ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้า ตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีโอกาสทำให้ SET Index กลับไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1530 จุด ได้ไม่ยากนัก

ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยยังดูแข็งแรงกว่าตลาดหุ้นโลก

ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลก หรือ MSCI ACWI Index ถูกกดดัน ปรับตัวลดลง -1.8% ผิดกับตลาดหุ้นไทยที่ Outperform กว่า +15 จุด หรือ 1% อีก ทั้งการขยับตัวขึ้นของ Index ยังเป็นการกระจายตัวบวกในหลากหลาย Sector โดย Sector ที่ปรับตัวขึ้นแรง คือ PETRO 5.1%, PKG 3.6%, CONS 3.4%, CONMAT 1.8%, ICT 1.7% ฯลฯ

ประเมินว่า SET Index ยังมี Momentum ในการขยับขึ้น จากปัจจัยบวกเฉพาะตัวใน หุ้นหลากหลาย Sector ดังนี้

▪ หุ้นพลังงานที่เป็นสัดส่วนหลักของดัชนี ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันมีโอกาส ยืนระดับสูง หลังรัสเซียประกาศระงับการส่งออกน้ำมัน แนะนำ PTTEP TOP SPRC

▪ หุ้นอิงเศรษฐกิจจีน หลัง PMI เดือน ก.ย. มีโอกาสพลิกกลับมาสูงกว่า 50 จุด อีกครั้ง แนะนำ SCGP IVL PTTGC

▪ หุ้นท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ขนส่ง ได้แรงหนุนหลังฟรีวีซ่าจีน และ คาซัคสถาน ตั้งวันนี้ไปอีก 5 เดือน ครอบคลุมช่วง Golden Week และ ตรุษจีนปีหน้า แนะนำ AOT BEM CPN ERW

▪ หุ้นธ.พ. ได้ Sentiment หนุนจากตลาดคาดว่า กนง. มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยใน สัปดาห์นี้ แนะนำ BBL, KTB, KBANK (BK:KBANK), SCB

ส่วนวันนี้ประเมิน SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1517 – 1527 จุด Top pick แนะนำ TOP, CPN, BBL

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities