Yield & USD / Banking sector view
• SET: SET Index เริ่มเผชิญกับแรงขายท่ากําไรในระยะสั้น หลังภาพ ทั้งนี้ในส่วน ของ Fund flow ยังไม่พบเห็นสัญญาณใดที่ผิดปกติมากนัก แม้ว่านักลงทุน ต่างชาติจะขายสุทธิหุ้นไทยวานนี้ 1.7 พันล้านบาท แต่ในตลาดตราสารหนี้ ยังคงเดินหน้า อสุทธิ์อีก 4 พันล้านบาท
• Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ คงกรอบแนวต้านสําคัญของรอบนี้ที่ SET ระดับ 1560 จุดตามเดิม ซึ่งถือว่าเป็นระดับดีที่สุดตามวิธี PE Model ของเราแล้ว ภาพรวมยังคงแนะนํา Wait & See และหาได้แค่เพียง Selective การถือครองไปก่อนในช่วงนี้ ซึ่งกลุ่ม BANK ดูเหมือนจะเป็นกลุ่ม ทีปลอดภัยหนึ่งในนั้น (รายละเอียดด้านล่าง) การเมืองในรอบวันที่ผ่านมาไม่ได้มีความชัดเจนใดใหม่เกิดขึ้น
• Yield & USD: ทั้งนี้ อาจต้องจับตา Bond yield สหรัฐฯและค่าเงิน USD ที่เริ่มมีการทยอยรีบาวด์ขึ้นจากจุดต่ํา และอาจเร่งปรับสูงขึ้นหากการประชุม Fed สัปดาห์หน้ามีการส่งสัญญาณที่ Hawkish ออกมามากกว่าที่ตลาด คาดการณ์ไว้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น อาจส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติทยอย Lock profit หลังจากที่ SET Index ขึ้นมาจากจุดต่าสุดรอบนี้ราว 5% แล้ว
• BANK: กลุ่มธนาคารพาณิชย์เริ่มทยอยประกาศงบ 2Q66 ในช่วงสัปดาห์ที่ ผ่านมา โดยธนาคาร 3 แห่งที่ได้ประกาศงบออกมาแล้ว ได้แก่ TISCO, TTB, BBL และ KBANK (BK:KBANK) ต่างมีก่าไรที่ออกมา กว่าคาดราว 4%, 9%, 12% และ 4% ตามล่าดับ ปัจจัยหนุนมาจากสินเชื่อที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี และ NIM ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะดอกเบี้ย ขณะที่ในส่วนรายได้ ค่าธรรมเนียมแม้จะได้ผลกระทบจากภาวะตลาดทุนทีอ่อนตัว แต่ก่าไรจาก เงินลงทุนกลับไม่ได้อ่อนตัวลงเท่าที่คาด ทําให้ภาพรวมรายได้ของธนาคาร
• สําหรับคุณภาพหนี้ของธนาคารส่วนใหญ่ยังดี แต่ธนาคารส่วนใหญ่ยังเลือก ยังดี ที่จะตั้งสํารองส่วนเกิน ทําให้ค่าใช่จ่ายสารองหนี้ค่อนข้างทรงตัว หรือ ปรับตัวสูงขึ้น (ยกเว้น TISCO) แต่ก็ท่าให้ NPL Coverage Ratio ปรับตัวดี ขึ้น ในแง่ Valuation เรายังมอง BBL ยังค่อนข้าง Laggard จีงเลือก เป็น Top pick ในกลุ่มธนาคารที่ประกาศงบออกมาแล้วดังกล่าว
• Momentum: สาหรับกลุ่ม BANK ภายหลังจากที่ธนาคารส่วนใหญ่ต่าง รายงานผลการดาเนินงานออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดูไว้ จึงอาจจะยังเห็น โมเมนตัมส่งต่อมายังราคาหุ้นได้อีกในระยะสั้น ทั้งนี้ ในเชิงกลยุทธ เรายังคงมุมมองเต็มก่อนหน้านี้ที่ว่า ข่าวดีสุดท้ายของกลุ่มธนาคารในรอบนี้ อาจรออยู่ในการประชุมกนง.วันที่ 2 ส.ค.นี้ ที่น่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย นโยบายอีก 0.25% ไปสู่ระดับ 2.25% ซึ่งอาจมีแนวโน้มเป็นครั้งสุดท้าย ของรอบ หากตลาดเชื่อเช่นนั้น มีโอกาสที่หุ้นกลุ่มนี้อาจเริ่มเผชิญกับ ปรากฏการณ์ Sell on fact ในช่วงเวลานั้นได้ แนะผู้ที่ถือครองหุ้นกลุ่ม ธนาคารอยู่ หาจังหวะ Lock กําไรในช่วงเวลาดังกล่าว
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities