Highlight ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคําในวันนี้ (17 ม.ค.) ย่อตัวลงเคลื่อนไหวในกรอบ 1918.89-1,906.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (16.30 น.) โดยราคาทองคํายังคงถูกกดดันจากแรงขายทําไร และการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ สํานักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในเช้าวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) รายปีของจีน ขยายตัวที่ อัตรา 3% ในปี 2022 และเฉพาะไตรมาส 4/2022 ขยายตัว 2.9% แม้ว่าตัวเลขที่ออกมาจะสูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.8% และ 1.8% ตามลําดับ แต่ตัวเลข รายปีได้สะท้อนว่า เศรษฐกิจจีนหดตัวลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับปี 2021 ที่มีการขยายตัว 8.4% ส่งผลให้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตอบรับด้วยการปิดตัวลบ 3.35 จุด ในวันนี้ ซึ่งนับว่ามีส่วนต่อการกดดันราคาทองคําเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดัชนีรายได้เฉลี่ยเดือนพ.ย. ของอังกฤษ เพิ่มขึ้น 6.4% สูงขึ้นกว่าเดือนต.ค. ที่ 6.1% และสูงกว่าคาดการณ์ที่ 6.2% ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานเดือนธ.ค. ที่เพิ่มขึ้นราว 19,700 ราย ต่ํากว่าคาดการณ์และชะลอตัวลงจากเดือนที่ผ่านมา สถานการณ์เช่นนี้สนับสนุนให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BOE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% สู่ระดับ 4.0% ในการประชุมช่วงต้นเดือนก.พ. นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 10 ติดต่อกัน ขณะเดียวกันธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เริ่มต้นการประชุมในวันนี้ และ จะแถลงมติการประชุมในวันถัดไป (18 ม.ค.) โดยหลายฝ่ายคาดว่า จะมีการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งจากการดําเนินนโยบายการเงินของทั้ง อังกฤษและญี่ปุ่นตามคาดการณ์ข้างต้น สะท้อนถึงแนวโน้มเงินดอลลาร์ที่อาจอ่อนค่าลง จึงทําให้ราคาทองคํายังคงมีแรงหนุนให้ทรงตัวอยู่ในทิศทางขาขึ้นต่อไป
คําแนะนํา
• เสี่ยงเปิดสถานะซื้อ หากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,904-1,886 ดอลลาร์ต่อออนซ์
• ลดการลงทุน หากราคาหลุด 1,886 ดอลลาร์ต่อออนซ์
• พิจารณาแบ่งทองคําออกขายทํากําไรบางส่วน หากราคาทองคําไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,932-1,947 ดอลลาร์ต่อออนซ์
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th